The Crown ,รีวิวซีรีย์
รีวิว The Crown Season 2 ความท้าทายของราชินีเอลิซาเบธที่ 2
จากควีนที่ขึ้นครองราชสมบัติใหม่ๆ ทำอะไรไม่ค่อยเป็น มา ss2 ควีนต้องสวมบทบาททั้งประมุขของประเทศ สวมบทบาทเมีย สวมบทบาทแม่ สวมบทบาทตัวแทนของประชาชนของประเทศในเครือจักรภาพ รวมถึงประมุขของประเทศราช ที่จะต้องคงไว้ซึ่งอำนาจเหนือประเทศอาณานิมคมมากมายที่พร้อมจะประกาศอิสระ การเมืองในประเทศว่ารุนแรง การเมืองในครอบครัวระหว่างควีนกับเจ้าชายฟิลิปพระสวามี ทั้งในฐานะเมียและฐานะควีน ไหนจะความขัดแย้งกับเจ้าหญิงมากาเร็ต น้องสาวที่ดูเหมือนน่าสงสารแต่นางก็เหยียบเรือสองแคม ชีวิตอิสระก็อยากใช้ ความเป็นเจ้า ความเป็นอภิสิทธิชนก็ยังอยากจะคงไว้ รีวิว The Crown Season 2
เรื่องย่อ
สำหรับเรื่องราวในซีซีนนี้ ราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ต้องเผชิญความท้าทายรอบด้านทั้งวิกฤติคลองสุเอซ รักครั้งใหม่ของ เจ้าหญิงมากาเร็ตกับช่างภาพหัวเสรีนิยม แต่ความท้าทายใดก็ไม่เท่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเจ้าชายฟิลลิปจากเหตุการณ์ฉาวโฉ่ที่อาจกระทบต่อชีวิตของทั้งคู่ในวังบัคกิงแฮม
ใน The Crown ซีซัน 2 นี้ ปีเตอร์ มอร์แกนยังคงรับผิดชอบเขียนบททั้ง 10 ตอนเช่นเคย โดยคราวนี้มอร์แกนเลือกหยิบเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของอังกฤษอย่างวิกฤติคลองสุเอซมาผูกโยงกับวิกฤติเรื่องราวฉาวโฉ่ของคนรอบข้างพระองค์ทั้งกรณีจดหมายลับของพระสหายคนสนิทของเจ้าชายฟิลลิปและความรักครั้งใหม่ของเจ้าหญิงมากาเร็ตกับช่างภาพหนุ่มผู้ปฏิเสธการใช้ชีวิตในกรอบ
นำซึ่งเรื่องราวเข้มข้นที่ไม่ได้นำเสนอเฉพาะประวัติศาสตร์ในประเทศอังกฤษยุค 50 หรือความเป็นมาของสมเด็จพระบรมราชินีนารถเอลิซาเบธที่สองในช่วงแรกของการครองบัลลังก์เท่านั้นแต่ยังนำพาผู้ชมไปสู่ความขัดแย้งระหว่างหน้าที่และหัวใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องแบกรับภาระของประเทศเสมือนหนึ่งแบกโลกไว้ทั้งใบ ซึ่งประเด็นทั้งหมดทั้งมวลถูกรังสรรค์ผ่านปลายปากกาของปีเตอร์ มอร์แกนที่บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวได้เหมือนเข้าไปนั่งเมาต์มอยกับพระราชินีและเหล่าราชนิกุลในวังบัคกิงแฮมแบบทุกซอกทุกมุมจริงๆ
ตลอดทั้ง 10 ตอนของ The Crown ในซีซัน 2 ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครอย่างพระราชินีอลิซาเบธได้เป็นอย่างดีและยังสามารถต่อติดกับเรื่องราวในซีซันแรกได้เป็นอย่างดี เพราะหากซีซันแรกคือการพัฒนาจากเจ้าหญิงที่สูญเสียพระบิดาสู่การครองบัลลังก์ที่ต้องเสียสละตัวตนและความสุขในครอบครัวเพื่อบริหารประเทศและธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์
จากควีนที่ขึ้นครองราชสมบัติใหม่ๆ ทำอะไรไม่ค่อยเป็น มา ss2 ควีนต้องสวมบทบาททั้งประมุขของประเทศ สวมบทบาทเมีย สวมบทบาทแม่ สวมบทบาทตัวแทนของประชาชนของประเทศในเครือจักรภาพ รวมถึงประมุขของประเทศราช ที่จะต้องคงไว้ซึ่งอำนาจเหนือประเทศอาณานิมคมมากมายที่พร้อมจะประกาศอิสระ การเมืองในประเทศว่ารุนแรง การเมืองในครอบครัวระหว่างควีนกับเจ้าชายฟิลิปพระสวามี ทั้งในฐานะเมียและฐานะควีน ไหนจะความขัดแย้งกับเจ้าหญิงมากาเร็ต น้องสาวที่ดูเหมือนน่าสงสารแต่นางก็เหยียบเรือสองแคม ชีวิตอิสระก็อยากใช้ ความเป็นเจ้า ความเป็นอภิสิทธิชนก็ยังอยากจะคงไว้
เรื่องราวในซีซันที่ 2 นี้ก็เหมือนวิกฤติโลกของจริงที่มีทั้งวิกฤติคลองสุเอซที่ขยายตัวไปสู่แนวคิดในการเอาใจออกห่างของประเทศอียิปต์ในอาณานิคมของอังกฤษซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยในตอนดูหนังที่แปดของซีรีส์พระองค์ได้แสดงพระอัจฉริยภาพในการแก้ไขวิกฤติการณ์ที่เหมือนประธานาธิบดีนกรูมาห์พยายามหักหน้าพระองค์และเอาใจเข้าใกล้แนวคิดคอมมิวนิสต์ของโซเวียตแต่พระราชินีเอลิซาเบธก็ทรงใช้ไหวพริบปฏิภาณและความอ่อนหวานของผู้หญิงในการแก้ปัญหาได้อย่างเปี่ยมพระอัจฉริยภาพและสามารถยุติสงครามเย็นได้บนฟลอร์เต้นรำ
เนื้อเรื่อง
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า The Crown ซีซั่นที่ 2 มิได้บอกเล่าแค่เรื่องราวของพระราชินีเท่านั้น แต่ยังสานต่อเรื่องราวของบุคคลรอบข้างพระองค์และแน่นอนเจ้าหญิงมากาเร็ต (วาเนสซา เคอร์บี) พระขนิษฐาของพระองค์ที่เคยขัดแย้งกันมาตั้งแต่ซีซันแรกที่พระองค์ได้ขวางทางความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหญิงและปีเตอร์ ทาวน์เซนด์
จนมาในซีซัน 2 ที่เจ้าหญิงมากาเร็ตได้สานสัมพันธ์กับ โทนี่ อาร์มสตรอง (แมตธิว กู้ด) ช่างภาพหัวขบถที่ใช้ชีวิตนอกกรอบจนอาจนำเรื่องอื้อฉาวมาสู่วังบัคกิงแฮม ซึ่งเรื่องราวในส่วนนี้นอกจากเราจะต้องลุ้นว่าเจ้าหญิงและพระราชินีจะมีปมขัดแย้งเรื่องงานราชาภิเษกแล้ว ยังต้องมาลุ้นให้เจ้าหญิงมากาเร็ตได้เจอคู่แท้ที่รักพระองค์และทำให้พ้นคำสาปคนอาภัพรักจากซีซันแรกเสียที
ปมวัยเด็กเจ้าชายฟิลลิปสู่การเลี้ยงดูเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
ในซีซันที่สองเจ้าชายฟิลลิปจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นและเราจะได้รับรู้เรื่องราวของพระองค์ที่น่าเห็นใจพอสมควร แต่การบอกเล่าเรื่องราวของพระองค์ไม่เพียงทำให้คนดูรู้จักพระสวามีของพระราชินีเอลิซาเบธเท่านั้นแต่ยังทำให้เรารับรู้ปมขัดแย้งระหว่างเจ้าชายฟิลลิปและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์อันมีที่มาที่ไปจากการที่พระบิดาต้องการให้พระองค์เข้าศึกษาในโรงเรียนประจำซึ่งมีกิจกรรมพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายที่ค่อนข้างโหดหินจนสร้างแผลเป็นในใจของพระองค์ ซึ่งเชื่อได้ว่าใครเคยมีปมอดีตอันเลวร้ายถ้าได้ดูตอนนี้จะพบว่าแม้แต่คนในตำแหน่งสูงๆของประเทศต่างก็เคยประสบโศกนาฏกรรมที่กลายเป็นแผลในใจไม่ต่างกันเลย
บทส่งท้ายของ แคลร์ ฟอย
ต้องยอมรับว่าบทพระราชินีเอลิซาเบธที่สอง คือการปูทางสู่ชื่อเสียงสำหรับ แคลร์ ฟอยที่แท้จริง ตั้งแต่ซีซันแรกที่ทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัลมากมายมาสู่ซีซันที่สองที่เธอยังคงทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคย เธอทำให้คนดูเชื่อได้ว่าจากพระราชินีมือใหม่ได้พัฒนาการสู่การเป็นแม่ของแผ่นดินที่พร้อมแบกรับหน้าที่อันหนักอึ้งได้เป็นอย่างดี
แต่สำหรับใครที่รอจะได้ชมเธอในซีซันที่สามก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เพราะในซีซันที่ 3 ทางผู้สร้างได้ประกาศชื่อ โอลิเวีย โคลแมน มารับช่วงเป็นพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ส่วนแคลร์ ฟอยก็กำลังเตรียมตัวรับบท ลิสเบธ ซาลันเดอร์ แฮคเกอร์สาวรอยสักมังกรใน The Girl In The Spider Web หนังจากนิยายสวีเดนชุดเดียวกับ The Girl With Dragon Tattoo (2011) ที่เดวิด ฟินเชอร์เคยกำกับ
ด้านนักแสดงคนอื่นก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีและแม้ในซีซันนี้ จอห์น ลิธกาวด์จะมีแค่บทรับเชิญเป็นวินสตัน เซอร์ชิลในฉากย้อนอดีตเท่านั้นแต่ซีซันนี้ก็มี แมตธิว กู้ด ที่มารับบทโทนี่ อาร์มสตรอง ช่างภาพหัวขบถคนรักใหม่ของเจ้าหญิงมากาเร็ตได้อย่างเปี่ยมสเน่ห์ทีเดียว
จุดที่ชอบ
ตอนที่ชอบที่สุดคือ EP5 ที่มีลอร์ดคนนึงวิจารณ์การทำงานของควีนว่าพูดจาเหมือนเด็กๆ ไม่มีความน่ายำเกรง จนเป็นที่มาของการปรับตัวในราชสำนักเพื่อให้ควีนลงมาใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น และปีนั้นเป็นปีแรกที่ควีนได้กล่าวสุนทรพจน์ออกทีวีทั่วประเทศในวันคริสต์มาส ทำให้เป็นการปฏิวัติสถาบันกษัตริย์ของสหราชอาณาจักร
หรือตอนที่8 ที่ควีนได้เจอกับ แจ๊กกาลีน เคนเนดี้ มันเป็นเรื่องที่โคตรมหัศจรรย์เลยที่ผู้หญิงในตำนานของโลกได้มาเจอกัน แจ๊กกาลีนคือตัวแทนผู้หญิงในโลกเสรีประชาธิปไตย แต่ควีนคือตัวแทนผู้หญิงที่อยู่ในฐานะกษัตริย์ แน่นอนว่าควีนเองก็หวั่นๆใจเมื่อต้องมาปะทะกับแจ๊กกาลีน แต่มันคือบทเรียนที่ทำให้ควีนได้ก้าวข้ามจากกษัตริย์มาสู่การเป็นกษัตริย์ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ คงไว้ซึ่งพระราชอำนาจและปกครองประเทศราชได้อย่างชนะใจผู้นำของประเทศที่เป็นประเทศราชมากมาย
ประเด็นที่น่าสนใจ
ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นคือเรื่องของเจ้าชายฟิลิป เอาจริงๆฟิลิปเองก็มีปมเยอะ ตัวตนก็เกิดมาจากการเป็นเจ้า แต่เป็นเจ้าทางยุโรปทางกรีกเดนมาร์คอะไรทำนองนั้น แต่การตัดสินใจมาเป็นพระสวามี ที่เอาเข้าจริงๆ เค้ายังฐานันดรต่ำกว่าลูกตัวเองอีก มันเลยทำให้ฟิลิปเองก็ต้องเล่นการเมืองกับเมียตลอดเวลา อยากจะบอกว่า การเกิดเป็นพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะเป็นผู้่หญิงนี่เป็นอะไรที่โคตรใช้ชีวิตยากเลย นั่นผัวแต่ก็เล่นการเมือง เหมือนมีอะไรมาหยั่งเชิงต่อรองตลอดเวลา ไหนจะเอาผู้หญิงอื่นมาต่อรอง ไหนจะการอยากมามีบทบาทกับลูกอย่างเจ้าฟ้าชายชาร์ล โปรแกรมหนังใน EP9 อยากให้ดูมากกก จะรุ้ว่าเจ้าชายฟิลิปมีปมที่น่าสงสารและมันมากระทบกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลตรงๆ
มากาเร็ต
เรื่องราวของมากาเร็ตน้องสาวผู้อาภัพ เหยียบเรือสองแคม อยากใช้ชีวิตอิสระก็อยาก อยากเป็นเจ้า อยากมีอภิสิทธิชนก็ยังอยาก มันเลยทำให้เราไม่ค่อยสงสารมากาเร็ตเท่าไหร่ กลับสงสารควีนมากกว่า
สรุป
The Crown ss2 นี่เนื้อหาไม่ได้ดร็อปลงจากภาคแรกเลย ตรงกันข้ามคือมันจริงจัง เข้มข้น ซีเรียสมากกกกกกกกกก ตัวนางเอกคือ แคลร์ ฟอยด์ใน ss2 มารับบทที่หนักขึ้นและนางก็แสดงได้เก่งขึ้นจาก ss แรกด้วย ภาพรวมของ The Crown คือซีรีส์ที่เนื้อหาเข้มข้นมากกกกก งานโปรดักชั่นดีโคตรๆ เห็บรายละเอียก ข้อมูล ทุกอย่างเป้ะ ไปหาภาพในอดีคจากแฟ้มภาพข่าวมาเทียบได้คือรายละเอียดเป้ะสุดๆ นี่คือตัวอย่างที่ดีในการทำงานของทีมละครหรือซีรีส์ที่เราอยากเห็นในละครไทยมากๆ
หาโอกาสดูเถอะใน Netflix มันเรื่ดมันเปรี้ยงมันปัง มันดีงามากกกกก แบบว่าถ้าดูแล้วจะต้องตามดูต่อไป ทราบมาว่า ss3 แคลร์ ฟอยด์ คงไม่ได้กลับมา Olivia Colman จะมาเล่นแทน จากอายุอานามก็สี่สิบกว่า เข้าใจว่าน่าจะเป็นช่วงวัยของควีนที่เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะมีบทไดอาน่ามาปรากฏตัวหรือยัง แต่ยังไงก็รอดูแหละ โครงการณ์นี้ได้ยินมาว่ายาวไปถึง ss4 เลย ดูเถอะ ยังไงก็คุ้ม !!!
Comments