รีวิว Anne with an E - แอนน์ที่มี “น์”
Anne with an E แอนน์ที่มี “น์” จากวรรณกรรมคลาสสิกที่ถูกนำไปทำเป็นภาพยนต์หลากหลายเวอร์ชั่น สู่ซีรีย์ใน Netflix เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวกำพร้าที่ถูกส่งมายังเมือง กรีน เกเบิลส์ สู่การผจญภัยเรื่องราวต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นทั้งมิตรภาพ ความรัก การเติบโตและการผจญภัยเรื่องราวมากมายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว รีวิว Anne with an E
เรื่องย่อ
Anne with an E หรือ แอนน์ที่มี “น์” เริ่มต้นเรื่องราวด้วย 2 พี่น้องชาวไร่ชื่อว่า แมทธิว และ มาริลา คัธเบิร์ต ตัดสินใจที่จะรับ “เด็กผู้ชาย” มาอุปการะเนื่องด้วยจากทั้งสองอายุมากแล้วและทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงาน จึงต้องการคนมาช่วยงานที่ไร่ และสืบทอดดูแลกิจการไร่ต่อไป ทั้งคู่จึงตัดสินใจรับเด็กมาเลี้ยง พอถึงวันที่แมทธิวจะต้องไปรับเด็ก แทนที่จะได้รับเด็กผู้ชาย กลับหลายเป็นว่าได้เด็กสาวมาแทนและเธอก็มีชื่อว่า แอนน์
ตัวซีรีย์จะย้อนไปในช่วง ศตวรรษที่ 19 ใครที่ชอบดูซีรีย์แนวย้อนยุคนับว่าไม่ควรพลาดเรื่องนี้แต่ประการทั้งปวง ชุด ฉาก แสง สี ล้วนสร้างขึ้นมาเหมือนในเรานั้นได้อยู่ในยุคนั้น ๆ เลย อาจจะไม่หวือหวา แฟนตาซีจ๋า แต่ก็เป็นมุมมองที่สวยงาม โดยการดำเนินเรื่องจะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของแอนน์ ให้เราเห็นมุมมอง ทัศนคติ และบุคลิกนิสัยของเธอ แอนน์เป็นเด็กสาวผมสีส้ม มีกระ ถักเปีย เป็นเด็กสาวร่าเริงสดใส ช่างพูดช่างจา และช่างจินตนาการ
นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่ชอบใช้คำศัพท์ที่สวยงามหลากหลายแบบที่คนทั่วไปได้ยินจะต้องถึงกับเหวอ เช่น ถ้าคุณกล่าวทักทายเธอ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แบบที่คนปกติมักจะทักทายกัน เธอคงจะตอบมาประมาณว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้าวันนี้ช่างสดใสจริง ๆ นะคะ ดูดอกไม้พวกนี้สิ พวกมันช่างสวยสดงดงามเหลือเกิน จะมีสิ่งใดงดงามกว่านี้ไปได้อีกนะ…” นี้แหละคือบุคลิกเอกลักษณ์เฉพาะของเธอ
โดยรวมซีรีย์จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของแอนน์ กับการมาอยู่ในเมืองกรีน เกเบิลส์ ตัวซีรีย์จะนำให้เราเห็นวิวัฒนาการความสัมพันธ์ของแอนน์และผู้คนรอบล้อมตัวเธอ ได้เห็นมุมมองความรักของเพื่อน และครอบครัว โดยจะสอดแทรกเรื่องราวประเด็นทางสังคมอื่น ๆ เข้ามาด้วย เช่น เรื่องของการยอมรับความแตกต่างของผู้อื่น ในเรื่องของความคิดเห็น เรื่องของเชื้อชาติ รูปร่างหน้าตา ฐานะ การเป็นกุลสตรีในยุคสมัยนั้น หรือแม้กระทั่งเรื่องราวทางการเมือง LGBT และ สิทธิสตรี เป็นต้น
ในมุมมองหนัง HDทางภาพยนต์ Anne with an E เป็นซีรีย์ที่จัดวางองค์ประกอบได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นทั้งชุด ฉาก แสง สี เสียง องค์ประกอบต่าง ๆ ในเรื่องล้วนผ่านการคัดสรรมาแล้ว โดยเฉพาะฉาก Opening credit ที่เรียกได้ว่าสวยงามจับใจ นอกจากความสวยงามของการเปิดเรื่องนี้ ในแง่ความหมายที่สื่อสารออกมาก็บ่งบอกความเป็นแอนน์ได้เป็นอย่างดี
ภาพรวมของซีซั่น 1
ซีซั่นนี้จะปูพื้นฐานไปที่ตัวละครต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวแอนน์ แมทธิว มาริลา ไดอาน่า(เพื่อนสนิทของแอนน์) เพื่อน ๆ ในห้องเรียน ผู้ใหญ่รอบ ๆ ตัวเธอ และ กิลเบิร์ต (หนุ่มฮอตประจำห้อง)
ในซีซั่นนี้เราจะเห็นการพัฒนาของตัวละครแอนน์ที่ต้องปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ ๆ แอนน์เมื่อก่อนเป็นเด็กกำพร้า โดนบูลลี่มาตั้งแต่สมัยอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอโดนบูลลี่ทางด้านร่างกาย ที่เป็นเด็กผอม ผมสีส้ม เราจะเห็นในเรื่องยังมีประเด็นนี้หยิบยกให้พูดถึงกันบ่อย ๆ
นอกจากการปรับตัวของแอนน์แล้ว เราก็ได้เห็นมุมมองของใครหลาย ๆ คนที่กล่าวมาด้วย ตัวละครหลัก ๆ จะมีเนื้อเรื่องเป็นของตนเอง ถูกหยิบยกขึ้นมาบ้าง มีที่มาที่ไปของนิสัยในแต่ละคน ทำให้เราได้เข้าใจถึงการกระทำ แนวคิดของตัวละครนั้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ฉากสำคัญหลาย ๆ ฉากถือว่าทำให้เราสนุกและมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้ดี เช่น ฉากที่แมทธิวป่วยไม่สามารถทำงานไร่ได้ ต้องเอาไร่ไปจำนอง เราก็จะรู้สึกคอยให้กำลังทั้งครอบครัวนี้อยู่ เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวไปด้วย
พูดถึงข้อดีของเรื่องกันไปแล้ว มาพูดถึงข้อเสียของซีรีย์นี้บ้าง แน่นอนว่าตัวซีรีย์มาจากวรรณกรรมเด็กคลาสสิกตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 เนื้อเรื่องมันจึงไม่มีความหวือหวาหรือแปลกใหม่ อุปสรรคของเนื้อเรื่องระหว่างทางไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรที่เข้ามาก็ตามแต่ เราที่ดูอยู่ก็สามารถเดาได้เลยว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ สำนวน คำ ที่แอนน์ชอบพูด ที่ใช่ว่าจะถูกใจทุกคน คำพูดของเธอบ่อยครั้งมันดูโอเวอร์จนเกินไป ถ้าใครที่รู้สึกไม่อินกับอะไรแบบนี้ก็อาจจะเบื่อหน่ายตัวซีรีย์นี้ไปเลยก็ได้
สรุปซีซั่นแรก
โดยรวมซีซั่นแรกเป็นการปูพื้นฐาน ตัวละครต่าง ๆ ได้ดี มีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ งานภาพ โปรดักชั่น และการแสดงที่ดีของนักแสดงหลาย ๆ คน ยิ่งถ้าเราชอบกลิ่นอายของหนังแนวชนบทย้อนยุคก็จะชอบดูได้ไม่ยาก
ภาพรวมของซีซั่น 2
ภาพรวมซีซั่นนี้เป็นการเปิดเรื่องราวของตัวละครที่เรารู้จักให้ดีมากขึ้นและสมทบด้วยตัวละครใหม่ ๆ ที่ตามมา มีการเล่าถึงประเด็นของผู้หญิงในยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องการเป็นกุลสตรีในสังคมที่จะต้องแต่งงาน ซีซั่นนี้จะมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างเยอะ มีเนื้อเรื่องที่หลากหลาย และ มีการเจาะลึกตัวละครแต่ละตัวมากขึ้น
ทำให้เราเห็นมุมมองที่มาที่ไปของนิสัยแต่ละบุคคลและ มีประเด็นทางสังคมเข้ามาสอดแทรกในเนื้อเรื่องกับตัวละครใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตัวละครที่ชื่อ โคล กับประเด็นการเป็นคนที่แตกต่าง, เซบาสเตียน เพื่อนคนดำของกิลเบิร์ต ที่ได้เดินทางทำงานร่วมกัน มีเรื่องของสีผิวเข้ามาเกี่ยวข้อง, 2 โจรนักต้มตุ๋น กับการถูกหลอก, คุณย่าของไดอาน่ากับประเด็น LGBTและคุณครูสาวคนใหม่ กับความคิดแบบหัวก้าวหน้า (เน้นสอนการปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี)
สรุปซีซั่นที่ 2
ข้อเสียหลัก ๆ ในซีซั่นที่ 2 ต้องยอมรับว่าบทไม่ได้โดดเด่นเท่าซีซั่นแรก บทมีความหละหลวมแบบแปลก ๆ การเพิ่มความสัมพันธ์ของตัวละครแบบที่ไม่เข้าใจว่าใส่มาทำไม เช่น ความสัมพันธ์มารีลากับหนุ่มโจรต้มตุ๋นคนหนึ่ง
โดยรวมการเล่าเรื่องของซีซั่นนี้จะมีการเล่าเนื้อเรื่องถูกแยกออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งของแอนน์ ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในกรีน เกเบิลส์ฝั่งของกิลเบิร์ต ที่ออกไปผจญภัยโลกภายนอก
ภาพรวมของซีซั่น 3 Final season!
ซีซั่นนี้จะเป็นซีซั่นสุดท้ายของซีรีย์ โดยรวมจะเป็นการขมวดเรื่องราวเอาไว้ทั้งหมด โดยเริ่มมาที่แอนน์นั้นสงสัยในตัวเอง อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน ครอบครัวของตัวเองยังอยู่ไหม เกิดการตามหากันเกิดขึ้น ดูหนังผ่านเน็ตซีซั่นนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมาไม่มากนักโดยจะแบ่งออกตัวละครหลัก ๆ มาเป็น ครอบครัวชาวอินเดียแดง
ที่มาพร้อมกับประเด็นความแตกต่างของชนชาติ และวัฒนธรรม และ แมรี่ ภรรยาของเซบาสเตียนจากซีซั่นที่แล้ว กับประเด็นครอบครัว ทุกตัวละครมีการเติบโตขึ้น เราได้เห็นการเติบโตของตัวละครที่แอบทำให้เราน้ำตาซึมกันได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาตัวตนของแอนน์ การเลือกเส้นทางของไดอาน่า การยอมรับที่จะปล่อยวางของแมทธิวและมาริลา
และในที่สุดความสัมพันธ์ของแอนน์กับกิลเบิร์ตก็มีการพัฒนากันได้แล้ว ทั้งสองคนรับความรู้ความรู้สึกต่อกันแล้ว (จริง ๆ มันก็ชัดมาตั้งแต่ซีซั่น 1 แล้วล่ะนะ 55555) จุดเด่นของซีซั่นนี้ หลังจากบทที่มีเนื้อหาดรอปลงไปจากช่วงซีซั่น 2 ซีซั่นนี้กลับทำมาได้ดีขึ้น ในแง่ของการแสดง นักแสดงที่แสดงอยู่ก็เติบโตขึ้นจากซีซั่นแรก ความเป็นเด็กดูหายไป ทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครนั้นไม่เหมือนในซีซั่นที่ผ่านมา
ณ ตอนจบนี้แอนน์ได้เติบโตเป็น “สาว” แล้วเรียบร้อย หลังจากที่เป็น “เด็กสาว” มาตลอดทั้ง 3 ซีซั่นเธอผ่านประสบการณ์ทุกอย่างมามากมาย มีการเรียนรู้ทั้งข้อดีข้อเสียของตัวเอง ให้เราได้เห็นกัน สิ่งที่เราชอบมาก ๆ ใน Anne with an E คือการเล่าเรื่องผ่านตัวละครต่าง ๆ นี้แหละ เราได้เห็นพัฒนาการของตัวละครต่าง ๆ เนื้อเรื่องที่น่ารัก สดใสและถูกเล่าออกมาได้อย่างสวยงาม
สรุปซีซั่น 3
ถึงแม้ซีซั่นนี้จะเป็นซีซั่นสุดท้ายแล้ว แต่ยังแอบมีปมประเด็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้ถูกแก้ไข
โดยรวม
ซีรีย์แนวครอบครัวดูได้ทุกเพศทุกวัย เล่าเรื่องเข้าใจง่าย ภาพสวย เนื้อเรื่องสดใส ดูไปแล้วจะอมยิ้มไป เหมาะกับวันสบาย ๆ อยากดูหนังแบบผ่อนคลายอารมณ์
Comments