13 Reasons Why
รีวิว 13 Reasons Why - 13 บันทึกลับหัวใจสลาย
นับได้ว่าเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยสีสันความแปลกใหม่ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นพลอตเรื่องและวิธีการนำเสนอ ที่สามารถนำเสนอเรื่องราวแบบหนังชีวิตวัยรุ่นแบบเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคย มาเล่าเรื่องในรูปแบบผสมผสานกับเรื่องราวสืบสวนสอบสวน ออกมาได้น่าติดตามและเต็มไปด้วยสิ่งที่คนดูคาดเดาไม่ได้ สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูน่าติดตามและสามารถเร้าอารมณ์ให้คนดูอยากดูไปถึงตอนสุดท้ายคือการเปิดเรื่องในตอนแรก ที่เปิดเรื่องราวมาด้วยความลับ และปมปริศนามากมายที่สร้างความอยากรู้ อยากเห็นให้กับคนดู ซึ่งในแต่ละตอนก็ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวทีละเล็กละน้อย รีวิว 13 Reasons Why
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ เคลย์ เจนเซน (ดีแลน มินเน็ตต์) หนุ่มไฮสคูลสุดเนิร์ด ที่วันหนึ่งเขาได้รับพัสดุปริศนาส่งมาที่บ้านเขา เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นเทปคลาสเซทชุดหนึ่ง ที่ภายในเทปแต่ละอันได้บันทึกเสียงของ ฮานนาห์ เบคเกอร์ (แคทรีน แลงก์ฟอร์ด) หญิงสาวเพื่อนร่วมชั้นที่เคลย์ เคยแอบชอบ ที่พึ่งฆ่าตัวตายไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ซึ่งเทปที่ เคลย์ ได้รับนั้นก็เป็นเสมือนบันทึกก่อนตายของ ฮานนาห์ ถึง 13 สาเหตุที่ทำให้เธอจัดสินใจฆ่าตัวตาย พร้อมกับกฎง่าย ๆ ที่ว่าถ้าฟังเทปทั้งหมดนี้แล้วให้ส่งต่อเทปเหล่านี้ไปยังคนอื่นต่อไป
เดิมที 13 Reasons why เคยเป็นหนังสือมาก่อน ฉบับแปลภาษาไทยใช้ชื่อว่า 13 บันทึกลับหัวใจสลาย โดยฉบับซีรีส์ทางเน็ตฟลิกซ์ได้ไบรอัน ยอร์คีย์มาควบคุมงานสร้างร่วมกับ เซเลนา โกเมซ นักร้องสาวสวยที่ผลักดันให้เกิดซีรีส์เรื่องนี้ โดยคงคอนเซปต์เทปคาสเซต 13 หน้ามาแบ่งเป็น 13 ตอนที่บอกเล่าเรื่องราวของคนที่มีส่วนในการฆ่าตัวตายของ แฮนนาห์ เบเคอร์ 13 คน
ซึ่งแต่ละตอนคนดูจะต้องมานั่งลุ้นกันว่าคนที่ถูกกล่าวถึงในเทปแต่ละม้วน ได้สร้างบาดแผลอะไรให้ตัวแฮนนาห์บ้าง และทีละน้อยที่เรื่องราวได้สะท้อนให้เห็นความรุนแรงในสังคมวัยรุ่นทั้งการนินทา พูดเสียดสี ถูกประจาน จนถึงปัญหาการข่มขืนที่เหยื่อเลือกความเงียบจนเกิดเรื่องเศร้าขึ้น เหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นประเด็นสาเหตุการฆ่าตัวตายที่นิยายกล่าวถึงและฉบับซีรีส์ก็ได้ผลักดันให้ภาพที่ถูกนำเสนอออกมารุนแรงและกระทบจิตใจจนทำให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงภัยเงียบนี้ได้อย่างเข้าถึงและเข้าใจ
จนอยากยกให้เป็นหนัง HDตัวอย่างการทำซีรีส์หรือละครจรรโลงสังคมที่นอกจากพล็อตเรื่องที่กระตุ้นความสนใจผู้ชมได้ทุกตอนแล้วมันยังถูกนำเสนอผ่านเทคนิคทางภาพยนตร์ได้อย่างมีชั้นเชิง โดยเฉพาะการตัดต่อที่แบ่งช่วงเวลาเรื่องเล่าจากเทปและเหตุการณ์ปัจจุบันที่เคลย์ได้พบเพื่อนใจร้ายแต่ละคน จนทำให้คนดูลุ้นแทบไม่ติดเก้าอี้
ด้านเนื้อเรื่อง
โดยนอกจากเรื่องการฆ่าตัวตายของแฮนนาห์ เบเคอร์ แล้ว ซีรีส์ยังพาเราไปสำรวจชีวิตวัยรุ่นได้อย่างรอบด้านทั้งการค้นหาเพศสภาพในกรณีของ คอร์ทนีย์ (มิเชล เซลีน อัง) สาวเอเชียที่คู่รักเกย์อุปการะ การต้องการการยอมรับของอเล็กซ์ (ไมลส์ ไฮเซอร์) จนทำเรื่องเลวร้ายกับคนอื่น รวมถึงภัยจากโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ประหนึ่งเป็นเหมือนศาลเตี้ยให้ผู้คนตัดสินเหตุการณ์เพียงเปลือกนอก เหล่านี้คือองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เรื่องราวและปมดราม่าเข้มข้นและกระตุ้นให้ผู้ชมคิดตามซึ่งผลทางอ้อมมันคือการทำให้ทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาสังคมได้อย่างไม่ยัดเยียดอีกด้วย
และเห็นเป็นซีรีส์แนวไฮสคูล อย่านึกว่างานสร้างจะสุกเอาเผากินเพราะทุกอย่างถูกคุมไว้ด้วยธีมของเรื่องอย่างชาญฉลาดตั้งแต่โรงเรียนที่มีความลับภายใต้ฉากหน้าสวยหรูโดยมักเลือกถ่ายทอดให้เห็นองค์ประกอบต่างๆในฉากเพื่อนำเสนอสิ่งเก็บความลับของตัวละครทั้งห้องล็อคเกอร์ที่บรรจุของใช้และความลับของนักเรียน ถุงใส่คำชมในห้องเรียน หรือแม้กระทั่งประตูห้องอาจารย์ที่ปรึกษา ทั้งหมดทั้งมวลแสดงให้เห็นความใส่ใจและเปี่ยมศิลปะในการถ่ายทอดอารมณ์ของเรื่อง
และอีกสถานที่สำคัญในเรื่องคือ คาเฟ่โมเนต์ ร้านกาแฟเบเกอรี่ที่เหล่าตัวละครไปใช้เวลาในการถกเรื่อง แฮนนาห์ เบเกอร์ ก็นับว่าเป็นการนำงานศิลปะของ โมเนต์ มารับใช้เรื่องราวได้อย่างชาญฉลาดเพราะงานศิลปะของศิลปินอิมเพรสชันนิสม์ ท่านนี้ไม่อาจตัดสินด้วยการมองใกล้ๆแต่ให้พิจารณาจากภาพรวม เสมือนเป็นการบอกตัวละครและคนดูให้ฟังเทปแฮนนาห์ให้จบ 13 ม้วนจึงจะสามารถตัดสินได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่เธอทำอัตวินิบาตกรรมครั้งนี้
อีกส่วนที่เว็บสตรีมหนังอยากพูดถึงคือทีมงานเบื้องหลังอย่างผู้กำกับ เกร็ก อารากิ ที่มีผลงานหนังอินดี้ดราม่าวัยรุ่นสะเทือนอารมณ์อย่าง Mysterious Skin มากำกับให้สองตอนคือ Tape 4 Side A และ Tape4 Side B ซึ่งเป็นตอนที่มีจุดเปลี่ยนรุนแรงเกิดขึ้นกับตัวละครและพลิกจากซีรีส์ดราม่าไฮสคูลสู่ความเข้มข้นในแบบหนังทริลเลอร์ได้อย่างลงตัว
นักแสดง
ทีมนักแสดงของ 13 Reasons Why คือตัวอย่างที่ดีในการจัดวางบทบาทให้แต่ละตัวละครมีความสำคัญไล่เลี่ยกัน ในบทนำอย่าง แฮนนาห์ เบเคอร์ ที่ได้ แคทเธอรีน แลงฟอร์ด มาถ่ายทอดความเปราะบางของวัยรุ่นได้อย่างน่าเชื่อถือ และบท เคลย์ เจนเซน ที่ ดีแลน มินเนท ต้องแบกรับซีรีส์ในแต่ละตอนนำพาคนดูไปพบเรื่องราวสุดช็อคได้อย่างเปี่ยมอารมณ์ รวมถึง อลิชา โบ ในบท เจสสิกา ที่ต้องบอกว่าเป็นตัวละครที่คนดูต้องติดตามถึงตอนสุดท้ายจริงๆว่าจะรักหรือเกลียดกันแน่ และ อลิชา โบ ก็ถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครได้อย่างลงตัว
สรุป
และทั้งหมดทั้งมวลก็ทำให้ 13 Reasons Why ลอยตัวอยู่เหนือซีรีส์ดราม่าวัยรุ่นทั่วไปด้วยเรื่องราวเข้มข้นเต็มไปด้วยประเด็นทางสังคมที่เข้ายุคสมัยและเป็นสากล แถมตัวซีรีส์เองยังมีการตั้งเว็บไซต์ให้คำปรึกษากับผู้ที่คิดฆ่าตัวตายอีกด้วย อันแสดงให้เห็นเจตนารมณ์อันดีของผู้สร้างซีรีส์ชุดนี้ที่อยากให้ผู้ชมมากกว่าแค่ความสนุก
13 เหตุผลทำไมเราจึงควรดูซีรีส์ 13 Reasons Why
1. เพราะซีรีส์เรื่องนี้…จะทำให้เราย้อนนึกถึงยุค cassette tape
จะไม่ให้หวนไปนึกถึงก็คงจะไม่ได้ เนื่องจาก 13 Reasons Why เขาใช้เทปคาสเซ็ตเป็นกิมมิกอันทรงเสน่ห์ประจำซีรีส์ไปแล้ว เพราะนางเอกสาวสวยอย่าง แฮนนาห์ เบเคอร์ ได้ใช้เทปเป็นหลักฐานแสดงตัวตนเดียวที่เหลืออยู่หลังจากที่เธอได้ตายไปตั้งแต่ตอนแรก และเจ้าเทปเจ้าปัญหาที่แหละที่เป็นกุญแจสำคัญที่ร้อยเรื่องราวให้ดำเนินต่อไปจนถึงตอนสุดท้าย
2. เพราะซีรีส์เรื่องนี้..สร้างมาจากหนังสือขายดีที่สุดของ Jay Asher
จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ก่อนที่จะมาเป็นซีรีส์ดังอย่างที่เห็นนั้น ซีรีส์เรื่องนี้ถูกสร้างมาจากหนังสือนิยายประเภท Young Adult ของ Jay Asher ที่ต่อมาได้ถูกสำนักพิมพ์ Classact Publishing ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเป็นภาษาไทย เป็นที่มาของ 13 บันทึกลับ หัวใจสลาย ที่เราคุ้นตากันนั่นเอง
3. เพราะซีรีส์เรื่องนี้..โชว์คาแรกเตอร์ของวัยรุ่นได้ครบและสมบูรณ์แบบที่สุด!
ใครที่ดูซีรีส์เรื่องนี้จะรู้เลยว่า เขาตีแผ่คาแรกเตอร์ของวัยรุ่นผ่านนักแสดงออกมาได้ครบถ้วน และสมบูรณ์แบบที่สุดเลยก็ว่าได้ ยิ่งเราดูไปเรื่อย ๆ เราจะยิ่งเห็นว่าสังคมในวัยเรียนนั้นเหมือนจะธรรมดา แต่แฝงไปด้วยความอิจฉา ความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความเผือกเรื่องของคนอื่น หรือการนินทาว่าร้ายกันที่หลาย ๆ คนมักโดนเป็นประจำ ผ่านตัวละครที่มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน เช่น นักกีฬาหรือประธานนักเรียนที่จะมีบทบาทอำนาจในการตัดสินและควบคุมผู้อื่น เด็กกิจกรรมที่ต้องจัดการกับเวลาให้อยู่หมัดเพื่อแบ่งแยกเวลาให้การเรียนและชมรมตลอดเวลา หรือแม้แต่เด็กหลังห้องที่เอาแต่เฟดตัวเองออกมาเพื่อรักษาระยะห่างและไม่ต้องการเป็นที่รู้จัก รวม ๆ แล้ว ตัวละครเหล่านี้ก็คือตัวแทนของกลุ่มคนหลัก ๆ ในสังคมนั่นเอง
4. เพราะซีรีส์เรื่องนี้..มี Mood & Tone ที่คูลมาก
ต่อให้ไม่บอกก็ต้องยอมรับกันเห็น ๆ เลยว่า Mood & Tone ในแต่ละตอนของซีรีส์เรื่องนี้ช่างสวยงามยิ่งนัก! เป็นเสน่ห์อีกอย่างของซีรีส์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งภาพและสี ทำให้เราอินไปกับความลึกลับหม่นหมอง ในขณะเดียวกันก็มีความเข้มสมจริง ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา เป็นโทนสีเย็น ๆ ออกเขียวฟ้า ที่ให้ความรู้สึกสบายตา แถมยังเนียนสวยชะมัด นอกจากดูเนื้อเรื่องแล้ว Mood & Tone ของเขาก็ช่วยยกระดับอารมณ์คนดูได้ไม่น้อยเลยนะ
5. เพราะซีรีส์เรื่องนี้.. มีนางเอกเป็น Katherine Langford
ไม่ต้องห่วงค่ะสำหรับใครที่เสียใจกับการจากไปตั้งแต่ต้นเรื่องของแฮนนาห์ เบเคอร์ นางเอกสุดสวยของเรา เพราะเธอยังคงปรากฎตัวในทุก ๆ ตอน มาแบบทั้งตัวทั้งเสียง ให้ได้เชยชมกันให้เต็มอิ่มเลยทีเดียว ก็นางเอกของ 13 Reasons Why เป็นถึงสาวสวยสุดฮอตอย่าง แคทเธอรีน แลงฟอร์ด นักแสดงชื่อดังที่ฝากผลงานเอาไว้มากมาย และด้วยบทบาทความดราม่าที่เธอตีบทแตกในซีรีส์เรื่องนี้ ยิ่งทำให้แฟนคลับผุดขึ้นทวีคูณสุด ๆ ไปเลยคะคุณ!
6. เพราะซีรีส์เรื่องนี้.. ตอบโจทย์ Party Lover!
เอ้าใครเป็นสายปาร์ตี้ ชอบจัดงานนู่นนี่นั่นบ้าง? บอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้เขาชูเรื่องปาร์ตี้มาเยอะสุด ๆ แบบจัดเต็มหลายตอนมาก! และไม่ใช่ปาร์ตี้แบบในละครทั่วไปนะจ๊ะ 13 Reasons Why เขาทำออกมาได้สมจริง เป็รปาร์ตี้วัยรุ่นเมกาที่แท้ทรู ใครที่อยากรู้ว่า เอ๊ะ วัยรุ่นฝรั่งเขาปาร์ตี้กันยังไง แล้วมู้ดออกมาเป็นแบบไหน ขอแนะนำให้เข้ามาดูเลยค่ะ รับรองได้ Reference ไ้ว้จัดเองแน่นอน
7. เพราะซีรีส์เรื่องนี้…ได้รับอิทธิพลความบีบคั้นอารมณ์มาจากผู้กำกับฝีมือดีของหนังออสการ์อย่าง Spotlight
ใครที่สงสัยว่า ทำไมซีรีส์เรื่องนี้มันบีบคั้นอารมณ์ฉันได้ขนาดนี้เนี่ย!? คำตอบคือ เป็นเรื่องปกติค่ะ ก็เราได้ Tom McCarthy ผู้กำกับฝีมือดีจากภาพยนตร์ดังที่ได้รับรางวัลมากมายอย่าง Spotlight มาเป็นส่วนหนึ่งของทีม จึงไม่แปลกที่ 13 Reasons Why จะกลายเป็นซีรีส์ที่ดึงอารมณ์และบีบคั้นหัวใจคนดูได้ขนาดนี้
8. เพราะซีรีส์เรื่องนี้…เข้ากับหนุ่มสาวทุกเจน
13 Reasons Why ไม่ใช่วัยรุ่นเท่านั้นที่ควรดู ทั้งวัยผู้ใหญ่ วัยทำงาน หรือวัยไหน ๆ ก็ควรค่าแก่การดูซีรีส์เรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ เพราะนี่ไม่ได้เป็นแค่ซีรีส์ธรรมดา ๆ เอาใจเด็ก แต่มันคือการตีแผ่ความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม เราเลยต้องดูเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาเหล่านั้นให้ได้
9. เพราะซีรีส์เรื่องนี้…พูดถึงโรคซึมเศร้าได้อย่างลึกซึ้ง
โรคซึมเศร้ามีอยู่จริง และสามารถเกิดได้กับคนทุกคน นี่คือความจริงที่ผู้ป่วยต้องการให้คนรอบข้างเข้าใจและเปิดรับพวกเขามากที่สุด บางครั้งการที่เราปลอบใครไปด้วยคำพูดที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง หรือคำพูดเชิงเปรียบเทียบปัญหาเขากับคนอื่น นั่นไม่ใช่การช่วยเหลือที่ถูกวิธีนะคะ สิ่งที่ดีคือเราต้องหัดสังเกตคนที่เรารัก และเอาใจใส่เขามาก ๆ ชวนคุยหรือพูดในเชิงบวกให้เขาเห็นข้อดีของตัวเอง แล้วเขาจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้นค่ะ
10. เพราะซีรีส์เรื่องนี้.. จะทำให้คุณจุกกับผลของ Cyberbully
หลายคนคงรู้คร่าว ๆ อยู่แล้วล่ะว่านางเอกในซีรีส์ได้ถูกรังแกค่อนข้างหนัก ถูกรังแกในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าโดนชกต่อยอะไรแบบนั้นนะ แต่หมายถึงการถูกนินทาและกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง โดยเฉพาะในเรื่องนี้อินเทอร์เน็ตได้กลายมาเป็นเครื่องมือสังหารที่โหดเหี้ยม เมื่อเธอถูกรังแกผ่านสื่อหรือที่เราเรียกกันว่า Cyberbully ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้เราเห็นภาพเลยว่า สิ่งนี้ที่ใครหลายคนมองว่าเล็กน้อยจะฆ่าคนได้ยังไงขณะที่สิ่งที่เราควรโฟกัสคือจะเปลี่ยนมันได้ยังไงบ้างมากกว่า
11. เพราะซีรีส์เรื่องนี้…Produce โดย Selena Gomez
แต่เดิม 13 Reasons Why เกือบจะได้ออกมาเป็นภาพยนตร์โดยได้วางนักแสดงนำเป็นนักร้องสาวชื่อดังอย่าง Selena Gomez แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับกลายมาเป็นเล่าเรื่องราวในแบบของซีรีส์แทน เซเลน่า โกเมซจึงใช้ประสบการณ์ทางด้านการแสดงของเธอ ผันมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับซีรีส์เรื่องนี้แทน เจ๋งไปเลย!
12. เพราะซีรีส์เรื่องนี้…เพลงประกอบเพราะมาก
เชื่อว่าหลายคนคงคิดแบบเดียวกัน ว่าเพลงประกอบของเรื่องนี้มันเพราะมาก ต่อให้ไม่ได้ตั้งใจฟังก็ต้องติดหูแน่นอน รับประกัน! ไม่ว่าจะเป็นเพลง Only You / Kill em with kindness ของ Selena Gomez หรือเพลงสุดซึ้งตราตรึงใจอย่างเพลง A 1000 times – Hamilton + Rostam ที่จะทำให้เพื่อน ๆ อินไปกับฉากทุก ๆ ฉากของเขาจริง ๆ
13. เพราะซีรีส์เรื่องนี้…มีแต่คนหล่อ!
ปิดท้ายกันด้วยเหตุผลเอาใจสาว ๆ กันหน่อย ก็ซีรีส์เรื่องนี้เขามีแต่คนหล่อจริง ๆ นี่นาาา อย่าง เคลย์ เจนเซน ตัวเอกของเราที่รับบทโดย ดีแลน มินเนตต์ ก็ช่างน่ารักถูกอกถูกใจสาว ๆ กันเหลือเกิน นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่น ๆ อีกมากมายที่จะมาทำให้คุณผู้หญิงทั้งหลายใจสั่นแน่นอน
Comments