รีวิว 365 DNI - 365 วัน
ภาพยนตร์เผ็ดร้อนจากโปแลนด์ที่ต้องบอกว่า แซบพริกหมดสวนไปเลยจ้ะ ถ้าเป็นกับข้าวก็เครื่องแกงแน่นตั้บ เรื่องนี้สร้างมาจากหนังสือของ Blanka Lipinska นักเขียนสาวสุดแซบวัย 35 ชาวโปแลนด์ ซึ่งออกมาถึง 3 เล่มกันเลยเชียว รีวิว 365 DNI
เรื่องย่อ
เล่าเรื่องราวของ มัสซิโม (michele morrone) มาเฟียกล้ามแน่น เข้ม ดุ กับ เลาร่า (Anna Maria Sieklucka) นักธุรกิจสาวสุดเซ็กซี่ เลาร่านี่เป็นสาวน้อยในฝันของมัสซิโม่ เขาแอบฝันถึง แอบเห็น ปิ๊งหนักหน่วงจนจำฝังใจและอยากได้มาครอบครอง ในที่สุดก็ใช้วิธีแบบมาเฟียคือการลักพาตัวมาอยู่ด้วยซะเลย พร้อมมอบประโยคเด็ดที่ว่า “ผมจะให้โอกาสคุณตกหลุมรักผมภายใน 365 วัน ผมจะไม่แตะต้องคุณถ้าคุณไม่ยินยอม แต่อย่ามายั่วผมก็แล้วกันเพราะผมอ่อนโยนไม่เป็นหรอกนะ” เข้มมากจ้ะ เข้มทั้งหน้า เข้มทั้งหุ่นและการกระทำ แต่สุดท้ายก็ยั่วกันไปยั่วกันมา จนในที่สุดก็ลงเอย ก็หนังเปิดมาแบบนี้ไม่เสร็จโจรก็ไม่รู้จะว่ายังไง ที่สำคัญไปกว่านั้นคือสองคนตกหลุมรักกันอย่างเมามัน จนถึงขั้นตกลงแต่งงานและจบเรื่องราวความรักแซบ ๆ ฉบับนี้ไปแบบมาเฟีย
ด้านเนื้อเรื่อง...ที่สั้น
มีแค่นี้เลย เจอกัน จับตัวมา รักกันอย่างดูดดื่มในทุกช่วงเวลาและจบไปแบบปลายเปิดเหมือนจะมีภาค 2 เพราะชีวิตบนเส้นทางมาเฟียไม่มีทางราบรื่น หนังใส่ความดราม่ามาน้อยนิดติ๊ดเดียวจริง ๆ เหมือนฮัดเช่ยแล้วก็หายไป ใส่ความโรแมนติกมาในบทพูดและการกระทำของพระเอกที่มีต่อนางเอก “ผมอยากให้คุณสอนให้ผมเป็นคนอ่อนโยน” หวานน้ำตาล 3 ก้อน แต่แฝงไว้ด้วยมาด ดุ ๆ ดิบเถื่อนและเทขายความแซบอย่างอลังการ ชนิดที่สาวโสดหนุ่มโสดน่าจะหายใจกันไม่ทั่วท้อง
ตัวบทหลัก ๆ เลยคือมาเฟียเอาแต่ใจที่รักผู้หญิงคนหนึ่งเหลือเกิน เขาไม่อยากเป็นมาเฟียแต่จำใจต้องเป็นเพราะต้องรับช่วงต่อจากพ่อ อยากมีรักกับผู้หญิงในฝันแล้วก็ทำทุกวิถีทาง ทั้งเปย์หนัก ๆ และปรนเปรอให้ผู้หญิงคนนั้นรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ มีแค่นี้จริง ๆ หาได้มีอารมณ์อื่นมาสั่นคลอน เนื้อเรื่องส่วนอื่นที่เป็นปมดราม่า ปมอาชีพในเส้นทางสีเทามันบางเบายิ่งกว่าขนนกซะอีก ฟิ้วววว…
ขายความแซบแบบเต็มร้อย
เนื้อหาเน้นหนักและตั้งหน้าตั้งตาขายไปที่ความแซบซ่าน วาบหวิว ดุเดือดเผ็ดร้อนของการบรรเลงเพลงรักระหว่างพระเอก นางเอก ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วก็ 90% ของเรื่องเทไปทางนั้น ขายจริงจังโดยมีเป้าสายตาไปที่ทรวดทรงองเอวของพระเอกมากกว่านางเอกซะอีก เป็นอีโรติกติดเรตที่มุมกล้องปลอดภัยแต่ไม่ต้องเปลืองจินตนาการกันเลยเชียว (ก็มันเห็นอยู่โต้ง ๆ ) บวกกับเพลงประกอบในช่วงนั้นยิ่งฮาร์ดเซลเข้าไปอีก
อยากได้เนื้อหาอะไรมากกว่านี้ไม่ต้องหา ดูหนัง HDถามหาเหตุผลไม่ต้องถาม เพราะจะไม่มีวันหาเจอ เขามาขายอาหารจานร้อนล้วน ๆ หนังไม่ได้เล่าเนื้อหาส่วนอื่นให้เราดูมากมายนัก (แต่ก็แอบเล่าอยู่บาง ๆ ) พอตอนจบทำเอางงอีกว่าตกลงมันยังไง? แปลว่าอย่างนี้ใช่ไหม? เป็นตอนจบที่เดาได้แบบห้วน ๆ ซะด้วยสิ คิดว่าอาจจะมีภาค 2 ภาค 3 ตามแบบในหนังสือรึเปล่า อันนี้เดาเอาเองจริง ๆ
คิดว่าจะมีหนังภาคต่อหรือไม่
ถึงแม้ว่าผู้ชมจะฮือฮาถึงตัวหนังในเรื่องฉากเซ็กส์อันดุเดือดร้อนแรง ไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวของหนัง ซึ่งจะว่าไปเนื้อหาของหนังมันก็เบาบางเอามาก ๆ ฝ่ายศัตรูของมาสซิโมนี่ก็แทบไม่ได้พูดถึงเลย แต่ตอนจบก็โผล่มามีบทบาทซะงั้นเมื่อพวกเขาออกมาลอบสังหารเลาร่าขณะนั่งรถลอดอุโมงค์ หนังก็จบไปแบบค้างคา เห็นแต่รถตำรวจจอดอยู่ปลายอุโมงค์แต่ไม่เห็นรถของเลาร่าลอดผ่านอุโมงค์มาได้สำเร็จ เป็นการจบแบบค้างคาให้คนดูคอยลุ้นกันต่อไปว่าชะตากรรมของเลาร่าจะเป็นอย่างไร ยิ่งทำให้คนดูคาดหวังว่าเมื่อไหร่ภาคต่อจะตามออกมา
ข่าวร้าย : NETFLIX ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างภาคต่อหรือไม่ ยังมีข่าวคราวความคืบหน้าใด ๆ ว่าจะเปิดกล้องเมื่อไหร่ มีกำหนดฉายเมื่อไหร่ แต่ถ้าวิเคราะห์จากความร้อนแรงของหนังที่ประสบความสำเร็จเพียงนี้ ขึ้นอันดับ 1 ในหลาย ๆ ประเทศตั้งแต่ปล่อยสตรีมมิงจนถึงวันนี้ก็เป็นไปได้กว่า 90% ที่เราจะได้ดูภาคต่อกัน
ข่าวดี : ถ้า NETFLIX ประกาศอนุมัติสร้างภาคต่อ เราก็ไม่ต้องรอกันนาน เพราะหนังดัดแปลงจากนิยาย 3 เล่มจบของ บลังกา ลิพินสกา ซึ่งเธอเขียนจบไปแล้วทั้ง 3 เล่ม 365 DNI และ Ten dzień ออกวางแผงเมื่อปี 2018 และ Kolejne 365 dni (แปลว่า Another 365 Days)
ซึ่งเป็นเล่มจบวางแผงไปเมื่อปี 2019 นั่นแปลว่าทางทีมผู้สร้างไม่ต้องรอให้นักเขียนเขียนนิยายให้เสร็จเพื่อจะสร้าง แล้วตัวบลังกาเองก็ยังร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย นั่นแปลว่าต้นฉบับพร้อม ทีมงานพร้อม บวกกับนักแสดงนำทั้ง มิเชลล์ มอร์โรน และ แอนนา มาเรีย ซีคลัคกา ก็ไม่ใช่ดาราดังที่มีงานชุก ไม่ต้องรอคิวให้ถ่ายทำหนังเรื่องไหนเสร็จก่อน แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะตอนนี้ทั้งคู่กลายเป็นดาราดังแล้ว ถ้าหนังภาคต่อไม่รีบเปิดกล้อง ทั้งคู่นี้อาจจะรับงานเรื่องอื่นก่อนก็ได้
เลาร่าจะรอดจากเงื้อมมือศัตรูหรือไม่
อ้างอิงจากเนื้อหาของนิยายเล่มต่อ Ten dzień แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า This Day จริง ๆ ทุกคนก็เดาได้หรอกนะ ถ้านางเอกตายแล้วจะเล่าเรื่องต่อได้ยังไงถึง 3 เล่ม ผู้เขียนขอถอดความหนังออนไลน์จาก ใจความสำคัญแบบเป็นทางการของนิยาย Ten dzień มาเล่าต่อตรงนี้แล้วกัน
“ชีวิตของ เลาร่า บีล ในชิลี ช่างเหมือนกับเทพนิยายเสียจริง หลังจากงานแต่งงานสุดอึกทึกแล้ว สามีที่รักก็ทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการ ได้ของขวัญมากมาย ได้มีชีวิตที่หรูหรา มีรถราคาแพง มีบ้านหรูริมทะเล แล้วเธอก็ตั้งท้อง ทุกอย่างดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง แต่ต้องไม่ลืมว่าเธอมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสังคมแก๊งสตอร์ที่แวดล้อมตัวเธอตลอดเวลา มีศัตรูของมาสซิโมที่พยายามจะลักพาตัวเธอแล้วสังหารเธอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เลาร่าไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับโอลก้าที่ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่ติดสอยห้อยตามเธอไปด้วย เลาร่าจะได้เรียนรู้ว่าการเป็นภรรยาของชายที่อันตรายที่สุดในชิลีนั้นนั้นไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด แต่มันจะมีผลตามมาซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด”
จะได้เห็นอะไรในภาค 2
เมื่อ 365 DNI ประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ก็เพราะฉากเลิฟซีนที่เป็นจุดขาย ซึ่งภาค 2 ก็ต้องมีให้ดูอย่างจุใจอีกแน่นอน ยกตัวอย่างฉากหฤหรรษ์ที่ บลังกา บรรยายไว้ในนิยาย Ten dzień เราอาจจะได้เห็น มาสซิโมและเลาร่า ผลัดกันทำรักด้วยปาก ในขณะที่เลาร่าใส่ผ้าปิดตาและสวมหูฟังที่กำลังเล่นเพลงคลาสสิก Silence ของวง Delerium
ส่วนเส้นทางความรักของทั้งคู่อาจจะไม่ราบรื่นเหมือนอย่างที่่คิดแล้ว แม้ว่าช่วงท้ายของภาคแรก ทั้งคู่ตกหลุมรักซึ่งกันและกันไปแล้ว แต่หลังจากเลาร่าถูกศัตรูของมาสซิโมลักพาตัวเธอไป เธอก็ไปตกหลุมรักกับหัวหน้าแก๊งที่เป็นศัตรูของมาสิซิโม (ตรงนี้อนุญาตให้ด่าเลาร่าได้) ในภาคนี้ยังแนะนำตัวละครสำคัญรายใหม่ เขาคือคู่แฝดของมาสซิโม เอาล่ะสิ แฟนหนังสาว ๆ ที่เคยฟินกับมาสซิโมมาแล้ว ภาคสองนี่จะได้ฟินแบบดับเบิลไปเลย แบบนี้ มิเชลล์ มอร์โรน จะได้ค่าแรงสองเท่าไหมนะ
เสียงตอบรับจาก Ten dzień นิยายภาค 2 เป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าบทภาพยนตร์ของภาคต่อจะยึดเนื้อหาตามนิยายเป๊ะ ๆ แล้วล่ะก็ เนื้อเรื่องของภาคต่อนั้นจะดำเนินเหตุการณ์ต่อจากตอนจบของภาคแรกเลย ซึ่งถ้ามองระยะเวลารวมถึงตอนอวสานในเล่ม 3 เลยด้วยล่ะก็ เรื่องราวทั้ง 3 ภาคนี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ตอนจบภาค 3 เลาร่ายังก็ยังไม่คลอดลูกเลยนะครับ นั่นหมายความว่าฉากหฤหรรษ์ในภาค 2 ภาค 3 นี้ เกิดขึ้นในขณะที่เลาร่ากำลังท้องอยู่ (ไอ้พ่อแม่ใจร้าย)
สรุป
สำหรับใครที่ดูภาคแรกแล้วไม่ชอบ รู้สึกผิดหวังกับบทภาพยนตร์ที่กลวงโบ๋ มีแต่เขียนให้เรื่องดำเนินไปเพื่อหาทางสอดแทรกฉากเลิฟซีนไปเรื่อย ๆ เท่านั้น บอกได้เลยว่าเนื้อหาของภาค 2 ก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าภาคแรกนี้หรอก
ยากดู