รีวิว How to Train Your Dragon: The Hidden World
อภิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3
เริ่มต้นจากมิตรภาพเหลือเชื่อระหว่างไวกิ้งหนุ่มกับมังกรไนท์ ฟิวรี ที่น่าสะพรึงกลัว ได้กลายเป็นไตรภาคอีพิคที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของพวกเขา ในตำนานบทใหม่นี้ ในที่สุด ฮิคคัพและทูธเลสก็จะได้ค้นพบโชคชะตาที่แท้จริงของพวกเขาเสียที นั่นคือการเป็นหัวหน้าหมู่บ้านในฐานะผู้นำของเหล่าเบิร์ค เคียงข้างแอสทริด และการเป็นมังกรผู้นำฝูง ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะขึ้นครองอำนาจ ภัยคุกคามที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญ รวมถึงการปรากฏตัวของไนท์ ฟิวรีเพศเมีย จะทดสอบสายสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างพวกเขาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รีวิว อภิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3
เรื่องย่อ
ช่วงเวลาที่ชาวไวกิ้งและมังกรหลากพันธุ์อยู่ร่วมกันในเมืองเบิร์คอย่างสงบสุขกำลังจะหมดลง เมื่อ กริมเมล (เอฟ เมอร์เรย์ เอบราฮัม) นักล่ามังกรสุดโหดได้เปิดศึกหวังล้างเผ่าพันธุ์มังกรและชาวเบิร์คให้สิ้นซาก จน ฮิคคัพ (เจย์ บารูเชล) และ แอสทริด (อเมริกา เฟอร์เรรา) สองคู่รักแห่งเบิร์คต้องหาทางปกป้องชีวิตชาวเมืองและเหล่ามังกรโดยมีหมุดหมายสำคัญคือดินแดนลับแลในตำนาน
นับเป็นเวลาถึง 9 ปีแล้วนับจาก How to train your dragon ภาคแรกออกฉายในปี 2010 และมีภาคต่อออกฉายใน 4 ปีต่อมา นอกจากประสบความสำเร็จด้านรายได้แล้ว หนังทั้ง 2 ภาคยังผงาดท้าทายดิสนีย์เข้าชิงออสการ์สาขาอนิเมชั่นยอดเยี่ยม แถมยังมีซีรีส์หนังภาคแยกออกมาให้แฟนๆได้ติดตามกันมาโดยตลอด ซึ่งแม้จุดขายของหนังจะไม่ต่างจากอนิเมชั่นอื่นๆด้วยการสร้างคาแรกเตอร์ “เขี้ยวกุด” เจ้ามังกรพันธุ์เพลิงนิลในแบบที่แทบลบภาพจำตัวมังกรทั้งหลาย
อนิเมชั่นไตรภาคของ Dream Work ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากภาคก่อนๆ เป็นอีกอนิเมชั่นที่เติบโตไปพร้อมๆกับวัยเด็กของเรา ได้เห็นพัฒนาการของฮิชคัพ จากเด็กชายที่สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ไปจนกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งหมู่บ้านเบิร์ค ที่ขนความสนุกสนาน ฉากแอคชั่น และบทที่ลงตัวมาให้เช่นเคย
ภาคนี้เล่าเรื่องราวผ่านมาประมาณ 1 ปี ที่ต่อจากภาคที่ 2 พระเอกของเรา Hiccup ได้กลายมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแทนที่พ่อของเขา ซึ่งเขาและพรรคพวกต้องคอยปกป้องมังกรและให้ที่อยู่อาศัย จากพวกนักล่ามังกร เพื่อสานต่อเจตนารมย์ที่อยากจะให้มนุษย์อยู่ร่วมกับมังกรของเขาเอง แต่นั่นทำให้เขาได้เจอกับวายร้ายคนใหม่ที่ยากจะรับมือ ทั้งหมดต้องต่อสู้ และอพยพไปตามหาสถานที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นดินแดนลับแล ที่มนุษย์และมังกรจะสามารถอยู่กันได้อย่างสงบสุข และนี่คือตำนานบทใหม่ครั้งสุดท้ายของพวกเขา
ด้วยหน้าตาที่แทบถอดแบบแมวแบ๊วๆ สร้างความน่าเอ็นดูมากกว่าน่ากลัวหรือน่าเกรงขามแบบมังกรเรื่องอื่นๆ แต่สิ่งที่ ดีน เดอบลัวส์ ผู้กำกับที่รับผิดชอบกำกับหนังไตรภาคนี้ให้ความสำคัญกลับเป็นบทและพัฒนาการของตัวละคร ตั้งแต่ภาคแรกที่เราได้เห็น ฮิคคัพ เลือกทางเดินที่ต่างจากสิ่งที่พ่อคาดหวังเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง สู่ภาคสองที่ฮิคคัพต้องเผชิญหน้าศัตรูในสงครามเพื่อความอยู่รอดของชาวเบิร์คและพบบทเรียนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความเสียสละจากพ่อของเขาเอง
จนมาถึงในภาค Hidden World นี้เองที่ฮิคคัพ ได้เรียนรู้คุณค่าของความรักและการปล่อยวาง ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สุดในการเติบโต และด้วยความประณีตในงานบทภาพยนตร์ก็ทำให้หนังชุด How To Train Your Dragon มีเรื่องราวที่แข็งแรงและคนดูสามารถเชื่อมโยงได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความน่ารักของคาแรกเตอร์มังกรอย่าง เขี้ยวกุด มาปิดช่องโหว่ของหนังเหมือนอนิเมชั่นภาคต่อเรื่องอื่นทำกัน
นอกเหนือจากบทภาพยนตร์ที่ถูกกลั่นกรองมาเป็นอย่างดีแล้ว อีกส่วนที่ดูหนังออนไลน์ไม่พูดถึงไม่ได้คืองานภาพ ซึ่งแม้ How To Train Your Dragon ทั้ง 2 ภาคก่อนหน้าจะมีงานภาพที่สวยงามและน่าจดจำอยู่แล้ว แต่กับ The Hidden World เราก็ยังได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และทำให้เห็นสเกลงานที่ดูยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีภาคต่อของอนิเมชั่นฮิต
โดยภาคนี้เราจะได้เห็นการออกแบบเมืองเบิร์คยุดใหม่ที่เป็นบ้านสีสันสดใส เห็นการออกแบบเรือของเหล่านักล่ามังกรที่ดูอึมครึมน่าสะพรึงกลัว ไปจนถึงฉากเมืองลับแลที่ต้องบอกว่าสวยงาม คัลเลอร์ฟูล มากๆ เรียกได้ว่างานภาพนี่น่าประทับใจไม่แพ้หนังคนแสดงทุนสูงๆเลยทีเดียว ซึ่งใครหลงรักซีนโรแมนซ์ระหว่างเจ้าเขี้ยวกุด และ น้องเพลิงนวล จากตัวอย่างหนังขอบอกว่าในหนังถ่ายทอดออกมาได้น่ารักชวนจิกหมอนฝุดๆไปเลย
และแน่นอนว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวละครอนิเมชั่นมีชีวิตและสื่ออารมณ์ได้ชัดเจนที่สุดก็หนีไม่พ้นบรรดานักพากย์ทั้ง เจย์ บารูเชล และ อเมริกา เฟอร์เรราที่ให้เสียงฮิคคัพและแอสทริดได้อย่างมีเสน่ห์เหมาะแก่คาแรกเตอร์ รวมถึงบทสมทบที่ได้นักแสดงมากความสามารถทั้ง เคต แบลงเชต, โจนาห์ ฮิลล์ และ คริสเตน วิก ที่ยังกลับมาสร้างสีสันปิดท้ายไตรภาคกันอย่างเต็มที่
ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวเว็บดูหนังมองว่าเป็นความชาญฉลาดของดรีมเวิร์คที่เลือก “เสียง” ที่ใช่มากกว่าชื่อเสียงและหน้าตาของนักแสดงเพราะมันทำให้เราดูหนังโดยไม่เอาหน้าของดาราคนนั้นๆมาสวมทับตัวละคร และทีละน้อยเสียงพากย์และภาพคาแรกเตอร์ก็ค่อยๆกลมกลืนและมีชีวิตในความทรงจำคนดู
โดยในหนังภาคนี้นอกจากพระเอกนางเองและเหล่ามังกรแล้ว บรรดาตัวละครสมทบยังมีพัฒนาการและบทบาทที่มากขึ้นมากกว่าการสร้างสีสันแบบเดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งก็ถือเป็นคุณงามความดีของบทหนังที่เฉลี่ยบทให้ตัวละครทุกตัวได้มีซีนสร้างความประทับใจคนดูได้เป็นอย่างดี
ความรู้สึก
ต้องพูดเลยว่าหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ภาพสวยมากกกกกกกก สวยแบบสวยมากจริงๆ การเคลื่อนไหวของตัวละคร เส้นผม สุดยอดมาก สวยจนยากเกินจะบรรยาย ตอนดูนี่ลืมไปเลยว่าทะเลที่เราเห็นในหนังมันเป็นภาพ CG สวยยังกะภาพจริง ฉากมังกรในเมืองลับแลนี่เล่นเอาเราอ้าปากค้าง และว้าวกับความงดงามนั้นจริงๆ (ที่คุณเห็นในตัวอย่างนั่นแค่ส่วนน้อย ในเรื่องสวยมากกกกก)
หนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ดูง่ายมาก เป็นหนังอนิเมชั่นที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี และในภาคนี้ไม่ต้องเสียเวลาบอกเล่าตัวละครเลย เพราะหลายๆ คนที่มาดูคงรู้จักและรู้สึกผูกพันกับตัวละครเหล่านี้ไปโดยปริยาย นั่นจึงง่ายต่อการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้อีก ทั้งสนุก ตลก มุกก็ใส่มาถูกจังหวะจะโคน ที่สำคัญตัวเด่นของเรื่องอย่างเขี้ยวกุดก็ยังคงน่ารัก น่าเลี้ยงเช่นเดิม เพิ่มเติมคือมังกรเพลิงนวล สีขาว ที่ดูน่ารัก สวย งดงาม ไม่แพ้กันเลย คือแค่จ่ายค่าตั๋วมาดูมังกรสองตัวนี้มุ้งมิ้งกันก็คุ้มแล้วอะจริงๆ 555
การดำเนินเรื่องในภาคนี้อาจจะไม่เข้มข้นเท่าสองภาคแรก และค่อนข้างจะเรื่อยๆ ไปซะหน่อย แต่มันก็ยังสร้างความสนุกและดึงให้เรามีอารมณ์ร่วมกับหนังอยู่เรื่อยๆ ฉากแอ็คชั่นอาจจะน้อย ไม่หวือหวา ตื่นตาตื่นใจเหมือนอย่างภาค 2 แต่มันก็มีให้เราได้เอ็นจอยกับมันบ้าง
แต่รู้สึกว่าภาคนี้จบได้ลงตัวมาก ถึงแม้ว่าเรื่องนี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ควร แต่มันคือการปิดไตรภาคที่งดงามสุดๆ เราชอบทิศทางในตอนจบของเรื่องนี้มาก เราคิดว่าจบแบบนี้แหละ คู่ควรแก่เรื่องทั้งหมดที่บอกเล่ามาเกือบ 10 ปี หลายๆ คนคงจะยกให้แฟรนไชส์ How to Train Your Dragon ติดหนังอนิเมชั่นในดวงใจอย่างแน่นอน
สิ่งที่น่าเสียดาย
อย่างที่ได้บอกไปว่ามันค่อนข้างจะเรื่อยๆ ตัวร้ายก็เหมือนจะดี แต่รู้สึกว่าง่อยไปหน่อย ตัวร้ายในภาคสองคือยอดเยี่ยมแล้ว จริงๆ ทางค่ายจะให้ตัวร้ายในภาคสองมาโผล่ในภาคสามด้วยซ้ำ อีกอย่างคือ เรารู้สึกว่าจุดพีคและฉากจบในหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้มันยังไม่สุด มันควรจะขยึ้และเรียกน้ำตาได้มากกว่านี้ ถ้ามันทำฉากนั้นออกมาให้ดีกว่านี้ รับรองได้ว่าเรียกน้ำตาคนดูได้อีกบานเลย
สรุป
How to Train Your Dragon ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคนี้ให้ความสนในไปที่จิตใจของตัวละครเป็นหลัก โดยเฉพาะฮิชคัพ จากนั้นก็ค่อยๆ ปูเอาความสัมพันธ์ของเพื่อน พ่อแม่ คนรัก และหัวหน้าเผ่ามาถักทอให้เกิดภาพความเป็นมนุษย์ ความสัมพันธ์หลักของภาคนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเติบโตและความรัก เราจะได้เห็นการตัดสินใจที่เป็นผู้นำแบบสุดๆของฮิชคัพ เราจะได้เห็นการเติบโตระหว่างความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง เราจะได้เห็นความเชื่อใจของคนที่เรารัก ประกอบเป็นภาพที่งดงาม ตราตรึงในตอนจบ
สำหรับผมแล้วเป็นหนังที่ทำภาคจบออกมาได้ครอบคลุม มันเหมือนภาพบันทึกชีวิตของฮิชคัพ ที่เต็มไปด้วยจิตนาการ จากเด็กขี้แพ้ไปสู่ผู้นำที่เข้าใจผู้คน มีมังกรน่ารักน่าชังให้เสน่ห์ และเป็นคำบอกลาที่ดีของหนังไตรภาค เราต่างก็เติบโตไปมีชีวิตของตัวเอง และทุกงานเลี้ยงมีวันเลิกลาและสำหรับ How to Train Your Dragon เป็นการเลิกลาที่งดงามมากๆ เรื่องหนึ่งเลยล่ะครับ
Comments