รีวิว Weathering with You ฤดูฝัน ฉันมีเธอ
Weathering With You เป็นผลงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่าง มาโกโตะ ชินไก ผู้สร้างสรรค์ผลงานที่ตราตรึงใจแฟนคลับไว้มากมาย อย่าง Your Name หลับตาฝันถึงชื่อเธอ ครั้งนี้เขากลับมาพร้อมกับเรื่องราวความรัก ความเหงา เศร้า ซึ้ง และมิตรภาพดีๆ อีกครั้ง โดยมีเพลงประกอบที่ช่วยส่งให้เรื่องน่าติดตามยิ่งขึ้นจากวงร็อกชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง Radwimps รีวิว Weathering with You ฤดูฝัน ฉันมีเธอ ดูหนังฟรี
เรื่องย่อ เป็นเรื่องราวของ โมริชิมะ โฮดากะ เด็กหนุ่ม ม.ปลายที่หนีออกจากบ้านมาที่โตเกียว ซึ่งโตเกียวในขณะนั้นกำลังประสบกับปัญหาฝนตกหนักในรอบหลายปี และแม้ว่าเข้ามาแล้วเขาจะไม่สามารถหางานทำได้เพราะยังเรียนไม่จบ ม.ปลาย แต่เขาก็พยายามไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดเขาได้ไปทำงานกับ สุกะ เคสึเกะ ชายวัยกลางที่เขาเจอตอนเดินทางเข้าโตเกียว สุกะทำงานเกี่ยวกับการทำนิตยสารที่เขียนเรื่องลี้ลับ ความเชื่อ แม้เริ่มแรกโฮดากะจะทำอะไรไม่เป็น และโดนดุอยู่ตลอด แต่เขาก็พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำสิ่งต่างๆ ออกมาให้ดี
วันหนึ่งเขาได้พบกับ อามาโนะ ฮินะ เด็กสาวที่อายุมากกว่าเขา 2 ปี โฮดากะได้รู้ว่า ฮินะ คือสาวฟ้าใส คนที่แค่อธิษฐานก็สามารถทำให้สภาพอากาศเป็นไปได้ตามต้องการ นั้นทำให้โฮดากะมีความคิดจะใช้ความสามารถพิเศษของฮินะในการหารายได้เสริม ทั้งคู่รวมถึง นางิสะ น้องชายของฮินะ ได้ร่วมกันเปิดเว็บไซต์รับงานทำให้ฟ้าใส โดยงานแรกที่มีคนจ้างพวกเขานั้นก็ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ นั้นทำให้พวกเขาถูกจ้างงานมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความรู้สึกพิเศษของโฮดากะที่มีต่อฮินะก็เพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นกัน ในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี กลับมีบางอย่างเข้ามาแทรกแซงช่วงชิงเวลาอันมีค่าของพวกเขาไป
นี่คือผลงานหนังยาวฉายโรงลำดับที่ 6 ของผู้กำกับอนิเมะแห่งยุคอย่าง ชินไค มาโกโตะ (Shinkai Makoto) ผู้เคยฝากผลงานโรแมนติกระหว่างหนุ่มสาวที่มีระยะห่างของบางอย่างมาคั่นไว้อันตราตรึงใจผู้ชม ทั้ง Kimi no na wa. หรือ Your Name. (2016) ที่พระเอกกับนางเอกมีระยะห่างของสถานที่และกาลเวลามากั้นขวาง
หรือจะเป็น 5 Centimeters Per Second: A Chain of Short Stories About Their Distance (2007) ที่ตัวเอกมีระยะห่างจากกันเท่าความต่างของปัจจุบันและความทรงจำแสนไกล หรืออาจต้องพูดไปถึง Voices of a Distant Star (2002) หนังสั้นขนาดยาวที่เป็นผลงานสร้างชื่อเรื่องแรกของชินไคเอง ก็มีระยะห่างของอวกาศและความต่างความเร็วของเวลามาเกี่ยวข้อง และใน Weathering with You นี้ชินไคก็ได้นำเสนอระยะห่างที่กั้นขวางและเพิ่มโจทย์ยากให้ตัวละครอีกเช่นเคย
สำหรับส่วนที่ยังทำได้ดีของหนังเรื่องนี้ คงเป็นคาแรกเตอร์ดีไซน์ที่ชินไคได้ทีมงานมืออาชีพมาช่วยมากขึ้น ทำให้ลายเส้นพัฒนาขึ้นจากที่เคยวาดเองแบบสไตล์เฉพาะตัวที่ตัวละครมักจะแข็ง ๆ นิ่ง ๆ แม้จะเหมาะกับภาพจมดิ่งกับความรู้สึกได้ดี อย่างในเรื่อง 5 Centimeters Per Second และ The Garden of Words (2013) แต่ก็ทำให้หนังขาดรสชาติอื่น ๆ ที่ควรมีไป พอลายเส้นส่งเสริมเรื่องมากขึ้นนับตั้งแต่ Your Name. หนังของชินไคจึงเริ่มมีอารมณ์ที่หลากหลายมากขึ้น เล่าได้สนุกขึ้น ทั้งความยินดี สนุก เศร้า เสียใจ แฟนตาซี มีครบทุกรสให้หยิบเลือกกลายเป็นเสือติดปีกในที่สุด
และอีกอย่างที่ยังทำได้ดีคือการร่วมงานดนตรีประกอบและเพลงประกอบกับวง แรดวิมป์ส (Radwimps) ที่เคยมีผลงานเด่นในเรื่อง Your Name. ทั้งเพลง Sparkle และ Nandemonaiya มารอบนี้ก็ยังมีเพลงที่ได้พลังในระดับเดียวกันทั้งเพลง Is There Still Anything That Love Can Do? ที่มองผ่านสายตาของโฮดากะ พระเอกที่รุ้สึกตัวเองต่ำต้อยไร้ค่าในโลกสีเทาไม่ต้องคิดแม้แต่จะทำอะไรเพื่อใครเลย แต่เพราะฮินะหรือนางเอกปรากฏตัวเข้ามาในชีวิต
เขาจึงตั้งคำถามกับตัวเองครั้งแรกว่า อาจมีบางอย่างที่คนอย่างเขาสามารถทำให้คนอย่างเธอได้บ้าง โรแมนติกสุด ๆ ยังต้องรวมถึงเพลงจบอย่าง We’ll Be Alright เพลงที่บอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไปเธอกับฉันจะต้องไม่เป็นอะไร (ตราบที่ได้อยู่ข้างกัน) เป็นเพลงจบที่ซึ้งมากอีกแล้ว ดีงามพอกับใน Your Name. จริง ๆ
เนื้อเรื่อง : ตัวเนื้อเรื่องยังคงความเป็น มาโกโตะ ชินไกไว้ได้ดี คือมีปนสลับซับซ้อน มีจุดพีค จุดหักมุม และจุดดำดิ่งที่ดึงคนดูให้เศร้า และเจ็บปวดไปกับตัวละคร รวมถึงการเล่าเรื่องความเชื่อควบคู่ไปกับการแทรกประเด็นทางสังคมเข้ามาด้วย อย่างเรื่องที่พระเอกของเราหนีออกจากบ้าน แล้วมาลำบากลำบนในเมืองหลวงแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ สะท้อนถึงใครหลายคนที่กระหายอิสระ อยากใช้ชีวิตด้วยตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตนอย่างทำ ซึ่งในเรื่องก็ทำออกมาให้เห็นว่าเส้นทางนี้มันมีทั้งดีและไม่ดี แม้จะได้อยู่อย่างอิสระ แต่ก็ต้องต่อสู้มากมาย
แต่มีจุดที่เรื่องมีช่องโหว่อยู่บ้าง ด้วยความที่เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวดูจะไม่ค่อยเชื่อมโยงกันเท่าไร รู้สึกว่าไม่ได้ถูกเอามารวมกันให้มันกลมกล่อม เพราะเรื่องของแต่ละคนดูจะมีปมทั้งนั้น แต่เหมือนเล่าออกมาไม่หมด ทำให้เนื้อเรื่องยังดูไม่สมบูรณ์เท่าไร แต่การเอาความเชื่อของชาวญี่ปุ่นมาเล่าด้วยก็ถือว่าน่่าสนใจ บวกกับคำพูดของตัวละครหนึ่งในตอนจบที่ทำให้เข้าใจว่าทุกอย่างล้วนต้องกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ซึ่งโดยรวมแล้วก็ถือว่าทำออกมาได้ดี เนื้อเรื่องน่าติดตาม และทำให้เอาใจช่วยพระเอกของเราได้ตลอดทั้งเรื่องเลย
งานภาพ ลายเส้น : ถ้าจะพูดถึงเรื่องงานภาพ บอกเลยว่าดีงามมากจริงๆ รายละเอียดของฉากสวยงาม แม้ว่าฉากส่วนใหญ่ของเรื่องจะเป็นในเมืองหลวงที่มีแต่ตึกสูง แต่เพราะมีสายฝนเข้ามาช่วยทำให้ตัวเมืองดูสวยงามขึ้นเวลาที่แสงอาทิตย์กระทบกับหยดน้ำตามพื้น ตามกระจก ตามต้นหญ้าริมทาง และยิ่งฉากส่วนใหญ่ที่เป็นเมือง ยิ่งทำให้หย่อมหญ้าเล็กๆ บนตึกร้างสวยงาม เพราะแทบจะเป็นสีเขียวเดียวบนพื้นที่รกๆ นั้น
สไตล์ของมาโกโตะ ชินไกนั้นย่อมต้องมีวิวธรรมชาติสวยๆ ให้ได้เห็นกันอยู่แล้ว ซึ่งคราวนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นท้องฟ้า ทั้งสี และแสงของแต่ละช่วงเวลาบอกเลยว่าเหมือนของจริงสุดๆ บางทีอาจจะสวยกว่าด้วยซ้ำ อีกทั้งการใช้มุมกล้อง การเคลื่อนไหวต่างๆ ยิ่งทำให้เรื่องดูน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาพที่เป็นมุมสูง เห็นพื้นที่รอบๆ ได้กว้างๆ ก็ยิ่งสวยว้าวขึ้นไปอีก อย่างในฉากพีคๆ ก็ทำออกมาได้ดีนับถือทีมงานฝ่ายภาพจริงๆ
ส่วนที่ดีกว่าเหนือกว่า หนังเรื่องที่แล้ว ก็คงเป็นมิติทางภาพ และความซับซ้อนของเทคนิคการสร้างสรรค์ที่ต้องบอกว่า มีฉากที่สวยแปลกตา มีมิติความลึกและชั้นของภาพ ตลอดจนการเคลื่อนกล้องที่สวยขึ้น ว้าวขึ้นไปอีก ยิ่งตัวหนังขับเน้นความสำคัญของเม็ดฝนที่เป็นคีย์หลักของเรื่อง ต้องบอกว่า โหหห งามทุกเม็ดใส่ใจกับการนำเสนอ น้ำ มากจริง ๆ ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลยนะ ยิ่งเอาสภาพอากาศเป็นพระเอกอีกหนึ่งคนของเรื่องแล้วยิ่งเข้าทางสายภาพวิวภาพบรรยากาศอย่างชินไคเข้าไปอีก คือเข้าไปดูไปศึกษาเรื่องการวาดการลงสีการให้แสง หรือการอนิเมตภาพ มุมกล้องการเคลื่อนไหว หนังถ่ายทอดสด ก็โคตรคุ้มแล้ว
ส่วนที่รู้สึกว่าด้อยลงนิดหน่อย คงเป็นความกลมกล่อมของเนื้อหานั่นเอง หากตัดฉาบเคลือบทั้งหลายออก ต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องมีอะไรให้เล่าเยอะเกินไป ทั้งชีวิตพระเอก ชีวิตนางเอก น้องชายนางเอก ชีวิตของเจ้าของบริษัทที่ให้พระเอกมาทำงาน คือเยอะไป และเอามาอยู่ร่วมกันได้ไม่ดีพอ เพราะหนังมันมีจุดสำคัญในการพลิกหักมุม มีจุดเหนือธรรมชาติ และความแฟนตาซีอะไรพอสมควรตั้งแต่แบบ หือ จนกระทั่งโอ้โหเฮ้ยเล่นงี้เลยเรอะ! ซึ่งพอมันต้องมาคำนึงถึงปมดราม่าต่าง ๆ แล้ว ดันกลายเป็นตัดทอนความดีเด่นของกันและกันไปเสียแทนระหว่างดราม่ากับแฟนตาซี
コメント