top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนattempt pai

Sonic the Hedgehog - โซนิค เดอะ เฮ็ดจ์ฮอก

รีวิว Sonic the Hedgehog - โซนิค เดอะ เฮ็ดจ์ฮอก


ดูหนัง

รีวิว Sonic the Hedgehog - โซนิค เดอะ เฮ็ดจ์ฮอก


เป็นหนังที่สร้างมาจากเกมชื่อดังของค่าย Sega กับเรื่องราวของเม่นสายฟ้า Sonic (Ben Schwartz) ที่หนีการตามล่ามายังโลกมนุษย์ และในโลกนี้เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับการตามล่าของวายร้ายอัจฉริยะ Dr. Robotnik (Jim Carrey) เขาจึงต้องร่วมมือกับเพื่อนใหม่ Tom (James Marsden) เพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามในครั้งนี้ รีวิว Sonic the Hedgehog


เรื่องย่อ


เรื่องราวของ Sonic the Hedgehog เริ่มจากการปรากฏตัวขึ้นของโซนิค สิ่งมีชีวิตในต่างดาวอันไกลโพ้นหน้าตาคล้ายเม่น ที่มาพร้อมสกิลวิ่งเร็วระดับวาร์ปอันเลื่องชื่อ รวมทั้งมีพลังงานไฟฟ้าแรงสูง ต้องหลบหนีจากบ้านเกิดที่เติบโตตั้งแต่ยังเล็ก จับพลัดจับผลูหลุดมาอยู่ในโลกมนุษย์ที่เมืองกรีนฮิลล์ เมืองเล็ก ๆ ในรัฐมอนทาน่า โซนิคใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำเล็ก ๆ อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน อยากเล่นอะไรทำอะไรก็ทำคนเดียว จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันเผลอใช้พลังพิเศษในตัวระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐช็อกกับเหตุการณ์ครั้งนี้มากจนเชิญนักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.โรบอทนิกส์ เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุ ดร.แกะรอยจนรู้ว่าเป็นโซนิค และค้นเจอเบาะแสสำคัญที่ทำให้ตระหนักถึงพลังไร้ขีดจำกัดของเม่นจอมแสบรายนี้ จึงออกไล่ล่าเม่นสีน้ำเงินทันที ขณะที่โซนิคเองก็ได้พบกับ ทอม วาชอวสกี้ (เจมส์ มาร์สเดน ) เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มประจำเมืองกรีนฮิลล์ ซึ่งโซนิคขอร้องให้ทอมช่วยคุ้มครองความปลอดภัยจาก ดร.โรบอทนิกส์ ขณะเดียวกันก็ต้องออกตามหาเหรียญวาร์ปสีทองที่เคยนำพาเขามายังโลกมนุษย์ ซึ่งบังเอิญทำหล่นหายไปในเมืองซานฟรานซิสโก


น่าจะเป็นหนังวีดิโอเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับ Sonic the Hedgehog (2020) ที่ช่วงต้นปีที่แล้วมีประเด็นดราม่าจากเหล่าแฟนบอยของน้องเม่นสายฟ้าในตำนาน ซึ่งออกอาการไม่ปลื้มอย่างแรงหลังจากได้เห็นเทรลเลอร์เปิดตัว โดยเฉพาะดีไซน์ตัวโมเดลในแบบฉบับ live action ที่ทำเอาโหงวเฮ้งหน้าตาของเจ้าโซนิคดูห่างไกลกับเวอร์ชันต้นฉบับในเกมหรือการ์ตูนมากจนถูกแฟน ๆ แห่เข้าไปกด dislike กันใหญ่


และจากกระแสต่อต้านอย่างหนักนั้นก็ส่งผลให้ Jeff Fowler ผู้กำกับและทีมผู้สร้างตัดสินใจยอมปรับดีไซน์ตามคำเรียกร้องให้ใกล้เคียงกับในเกมมากที่สุด ซึ่งจากปัญหาเรื่องแก้ดีไซน์นี้ทำให้หนังต้องเลื่อนฉายจากกำหนดเดิมราว 3 เดือน แถมทาง Sega เจ้าของแฟรนไชส์ต้องเข้ามาดูแลการดีไซน์รอบใหม่ด้วย โดย Paramount Pictures ใช้งบประมาณการออกแบบตัวละครใหม่อยู่ประมาณ 5 ล้านเหรียญฯ


เจ้าเม่นสายฟ้ากับบทบาทที่ต้องออกมาเล่นกับคนจริง ๆ ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อย โดยไลน์อัปก็ไม่ขี้เหร่ นอกจาก เจมส์ มาร์สเดน (James Marsden) พ่อหนุ่ม Cyclops และที่หลายคนอาจคุ้นเคยกับบทคาวบอยในซีรีส์ Westworld, ทิก้า ซัมพ์เตอร์ Tika Sumpter สาวผิสีทรงเสน่ห์จาก Gossip Girl, แล้วยังมีลุงจิม แคร์รี (Jim Carry) กับบท ดร.โรบอทนิกส์ คู่อริตลอดกาลของโซนิค ที่คาแรกเตอร์ของ ดร.สติเฟื่องนี่ดูเข้าทางลุงแกมาก ๆ


สำหรับ โซนิค เวอร์ชันนี้ต้องบอกเลยว่าลบฝันร้ายหรือคำสาปสำหรับวิดีโอเกมที่มักออกมาเละเทะเมื่อดัดแปลงเป็นหนังจอเงิน ด้วยการถูกวางในพลอตสำเร็จรูปที่เข้าถึงง่าย ขายความน่ารักสมจริงกับกลุ่มคนที่โตมากับการ์ตูนหรือเกมมากกว่าโฟกัสเด็กรุ่นใหม่ ยิ่งหากต่อยอดจากตัวละครแบบนี้ที่มีความเป็น iconic จ๋าอยู่ในตัวสูงแล้ว ความกดดันจากฐานแฟนบอยนี่แทบจะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานไว้เลย นอกจากอาจจะมีบางเรื่องหลุดฟอร์มเลวร้ายจนกลายเป็นไปทำลายความฝันวัยเด็กซะงั้น อย่างพวก เต่านินจา, ดราก้อนบอล หรือนานกว่านั้นก็มาริโอ้ ที่แทบอยากจะลืม ๆ ไปเคยทำเป็นหนัง (ฮา)


ความน่ารักแสบสันต์ และแววตาก๋ากั่นของเจ้าโซนิคที่ต้องยกความดีความชอบให้ทีมผู้สร้างที่ตัดสินใจดีไซน์ใหม่ ตัวหนังเซอร์วิสแฟนดั้งเดิมของโซนิคเป็นอย่างดี โดยจะใส่รายละเอียดศัพท์แสงที่คนเคยเล่นเกมโซนิคสมัยเด็ก ๆ ในยุค 90s ต้องคุ้นเคยมาเป็นระยะ ทำให้รู้สึกอินได้ง่ายมาก ซีจีทำได้ค่อนข้างดีเลย แต่ยังมีส่วนที่รู้สึกลอย ๆ อยู่บ้าง


ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าดูหนังส่วนหนึ่งเป็นเพราะการดีไซน์โซนิคใหม่ที่มีความเป็นตัวการ์ตูนมากกว่าเดิมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เหนือเรื่อง CGI ออกไป MVP ตัวจริงคือ ลุงจิม แคร์รี นี่แหละที่ขยันขโมยซีนมาก! บางฉากลุงแกฮาซะเอาน้องเม่นเจื่อนไปเลย (ฮา) เรียกว่าเข้ามาเป็นเดอะแบ็กตัวจริง และเมื่อหักลบกับพลอตเบา ๆ ตัวละครแบน ๆ แบบดูขำ ๆ แล้ว ลุงจิม คือคนที่ยกระดับ Sonic the Hedgehog ขึ้นมาสู่ระดับที่เรียกว่า ‘ดีเกินคาด’ อย่างแท้จริง


นอกจากนี้ พาร์ตหนึ่งที่ประทับใจชนิดเซอร์ไพรส์หน่อย ๆ ก็คือเมสเซจเรื่องชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ โดยเฉพาะการตั้งคำถามกับการมีชีวิตอยู่ มันทรงพลังกว่าที่คิดไว้มาก ช่วงท้ายทำซึ้งเอาเรื่อง มันเป็นภาพจำใหม่ ๆ ของโซนิคในมุมที่แตกต่างออกไปจากยี่สิบกว่าปีก่อน เจ้าเม่นสายฟ้าไม่ได้เป็นเพียงตัวละครเท่ ๆ ที่มีไว้โชว์สปีดเร็วกว่านรกอีกต่อไป แต่เว็บดูหนังจะได้เห็นโซนิคมีพัฒนาการหันเหมาเป็นซุปเปอร์ฮีโรคอยปกป้องเมืองกรีนฮิลล์แห่งนี้ด้วย แถมยังมีเครดิตแถมท้ายให้สาวกได้กรี๊ดกร๊าดกันอีก

รีวิว Sonic the Hedgehog

วิจาร์ณ


Sonic the Hedgehog ส่อแววมีปัญหาตั้งแต่แรกเลย เพราะการปล่อยตัวอย่างแรกเมื่อประมาณช่วงเมษายน 2019 ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เละถึงดีไซน์ตัวละคร Sonic ที่ขัดใจแฟนๆ เสียเหลือเกิน จนทำให้ทางผู้กำกับทนกระแสตอบรับไม่ไหว และยอมรับคำวิจารณ์ไปปรับแก้ไขดีไซน์ Sonic ใหม่ทั้งหมด จนทำให้จากกำหนดฉายเดิม พฤศจิกายน 2019 ต้องถูกเลื่อนมาเป็น 14 กุมภาพันธ์ 2020 และในบ้านเราก็ได้ดูวันที่ 27 ก.พ. 2020 เนี่ยแหละ


และเหมือนการตัดสินใจแก้ดีไซน์ตัวละครในครั้งนี้จะค่อนข้างเวิร์คเลยทีเดียว เพราะหลังจากปล่อยตัวอย่างหลังจากแก้ไขแล้ว แฟนๆ ต่างชื่นชม ชื่นชอบ และรู้สึกดีกับหนังขึ้นมาในทันที (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะคุ้มกับรายได้หรือไม่) คงต้องรอดูกันต่อไป


เราจะมาพูดถึงตัวหนังกันบ้าง ซึ่งหนังจากเกมโดยส่วนมากที่ผ่านๆ มา มักจะไม่ค่อยเวิร์คสักเท่าไหร่ แต่ล่าสุด Pokémon Detective Pikachu ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ทำลายอาถรรพ์หนังจากเกม เพราะมันทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว จึงทำให้ความกดดันทั้งหมดตกไปอยู่ที่หนังจากเกมเรื่องต่อมาอย่าง Sonic the Hedgehog เนี่ยแหละ...แต่หลังจากดูปรากฏว่า เห้ย! สนุก!


จริงๆ เนื้อเรื่องของ Sonic the Hedgehog ไม่ได้มีอะไรมากเลย ธรรมดาจริงๆ ถือเป็นหนังสูตรสำเร็จเลยด้วยซ้ำ กับการโคจรมาเจอกันของคน 2 คน (1 คนกับ 1 ตัว?) และร่วมกันปราบเหล่าร้ายหรือพิทักษ์โลก ก็ไม่ได้แปลกแนวแตกต่างหรือใหม่อะไร แต่ด้วยความง่ายความไม่มีอะไรนั้น มันก็ยังเล่าออกมาได้สนุก เพราะตัวละคร Sonic นั่นแหละ สนุกกับการกระทำ บทพูดที่พล่ามไม่หยุดของ Sonic จังหวะในการเล่า หรือมุกต่างๆ ที่ใส่มาโคตรถูกจังหวะ แถมยังมีการจิกกัด ชื่นชม หนังหลายๆ เรื่องในอดีต ตลอดทั้งเรื่องก็เรียกเสียงฮาได้เป็นระยะๆ


นับว่าทางค่ายตัดสินใจถูกจริงๆ ที่แก้ดีไซน์ Sonic ใหม่ เพราะเราเชื่อเลยว่าถ้าตัวละครเป็นแบบเดิม+เนื้อเรื่องและอะไรหลายๆ อย่างที่ Sonic ทำ มันจะไม่น่ารัก น่าเอ็นดู หรือให้ความรู้สึกอะไรก็ตามที่เวอร์ชั่นใหม่นี้ยังให้ได้


และแน่นอนว่าคงต้องชื่นชมผู้ให้เสียงพากย์ตัวละคร Sonic อย่าง Ben Schwartz ที่เวิ่นเว้อ วุ่นวาย พูดมาก ป่วนเสียเหลือเกิน รวมถึงการแสดงของ James Marsden ที่เข้าขากันได้เป็นอย่างดี และที่ขาดไม่ได้คือดาราตลกรุ่นเก๋าแห่งวงการอย่าง Jim Carrey ในบทวายร้าอัจฉริยะ Dr. Robotnik ที่เล่นใหญ่จัดเต็ม เรียกเสียงฮาทุกฉากที่เฮียแกโผล่มาเลย หากใครเคยติดตามผลงานแกคงจะนึกออกแน่ๆ ว่าเป็นยังไง ถึงมันจะซ้ำและเห็นแบบนี้มาบ่อยแล้ว แต่มันก็ยังฮาอยู่ดี


สรุป


Sonic the Hedgehog เป็นหนังที่ทำมาจากเกมที่สนุกเลยแหละ อาจจะมี CG บางฉากที่ลอยๆ บ้าง กับเนื้อเรื่องที่ธรรมดาเกินไป แต่มันก็เพลินๆ แหละ ถ้าถามว่าชอบอะไรมากกว่าระหว่าง Pokémon Detective Pikachu กับเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่แฟนทั้งสองเกมนะ แต่ถ้าหนังค่อนข้างชอบ Pokémon Detective Pikachu มากกว่า แต่ในเรื่องนี้ถ้าดูแล้วคุณจะหลงรักเจ้า Sonic และอยากเห็นมันอีกแน่ๆ

ดู 7 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Yorumlar


bottom of page