รีวิว Unhinged - เฮียคลั่ง ดับเครื่องชน
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยหนังระทึกขวัญกันดีกว่า เหตุการณ์บนท้องถนนที่เราพบเจออยู่ทุกวัน เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างบทหนังเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้เหมือนกันนะ อย่างเช่นหนังเรื่องนี้ Unhinged หรือชื่อไทย เฮียคลั่ง ดับเครื่องชน ที่บอกเล่าความหัวร้อนของผู้คนบนท้องถนนที่สร้างเรื่องน่าหวั่นกลัวให้บังเกิดขึ้นกับใครก็ได้ รีวิว Unhinged
เรื่องย่อ
เรื่องราวของคุณแม่ยังสาว (คาเรน พิสตอเรียส) ที่เช้าวันหนึ่งเธอดันไปทำงานสายและระหว่างที่รถติดอยู่ที่แยกไฟแดงเธอบีบแตรใส่รถคันหนึ่งโดยที่ไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เมื่อมันทั้งผิดคน ผิดที่ผิดเวลา การบีบแตรดังกล่าวจุดระเบิดโทสะให้กับเพื่อนร่วมถนนที่เป็นชายวกิลจริต (รัสเซล โครว์) จนมันทำให้ชีวิตเธอตกอยู่ในอันตราย เพราะเขาตั้งใจมอบบทเรียนให้กับสังคมโดยใช้เธอและครอบครัวเป็นตัวอย่าง มันคือจุดเริ่มต้นของเกมแมวไล่จับหนูที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน เธอต้องหาทางรวบรวมความกล้าเมื่อการคุกคามเริ่มจะอันตรายขึ้นทุกวินาที
เชื่อว่าวินาทีแรกที่ทุกคนได้เห็นโปสเตอร์หรือตัวอย่างหนัง Unhinged สิ่งที่ดึงดูดความสนใจจากเรื่องนี้ก็คือชื่อของ รัสเซล โครว์ ซึ่งนอกจากจะมีชื่อเป็นจุดขายในบทนำแล้ว สิ่งที่ชวนให้สนใจมากไปกว่านั้นก็คือการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของพระเอกตลอดกาล มารับบทเป็นตัวร้าย
แถมยังมาพร้อมภาพลักษณ์ที่อ้วนตุ๊ต๊ะ ไม่เหลือคราบเดิมของ แม็กซิมัส ให้เห็นอีกต่อไป และที่สำคัญชื่อของรัสเซล โครว์ ทำให้หนังดูน่าสนใจขึ้นมากกว่าตัวเลือกเดิมที่ทีมงานทาบทาม นิโคลาส เคจ ให้มารับบทนี้ แต่ถูกบอกปัดไป รัสเซล โครว์ ก็เลยมาเสียบแทน นับว่าเป็นการกลับมารับบทนำครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจาก Boy Erased เมื่อปี 2018
และการที่นักแสดงมากฝีมือระดับที่เคยเข้าชิงออสการในสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมมาแล้ว 3 ครั้งและคว้าไปได้ 1 ครั้งจาก Gladiator (2000) ยอมพลิกภาพลักษณ์มารับบทร้ายนี่ แปลว่าบทนี้ต้องไม่ธรรมดา มีความน่าสนใจขนาดที่ดึงให้ รัสเซล โครว์ ยอมมารับบทได้ และฝีมือของรัสเซล โครว์ ก็น่าจะทำให้บทชายโฉดรายนี้ดูน่ากลัวขึ้นมากว่าบทวายร้ายธรรมดาทั่วไปได้
จากที่เห็นในตัวอย่างดูหนังฟรีซึ่งชวนให้สงสัยได้ว่า หนังจะเล่าอะไรได้ยาว ๆ จากพล็อตเบาบางเพียงแค่ ชายขี้โมโหตามล้างตามเช็ดแม่ลูกที่ไปบีบแตรใส่เขา ซึ่งเมื่อได้ดูก็เห็นว่าบทหนังไม่ได้มีความลึกอะไรไปมากกว่าที่เห็นจากตัวอย่าง
เนื้อเรื่อง
นับตั้งแต่เปิดเรื่องจนมาถึงจุดพิพาทกันระหว่างสองผู้ขับขี่นี่ บทของคาร์ลปูมาได้ดีเลยล่ะ แต่ในทางตรงกันข้ามคนดูแทบไม่ได้รู้จักตัวตนของชายคลั่งผู้นี้เลย ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนาม มีเพียงฉากเปิดเรื่องที่เขาบุกไปฆ่าอดีตภรรยาและสามีใหม่เท่านั้น หนังเล่าภูมิหลังของเฮียคลั่งแบบผิวเผินผ่านการรายงานข่าวเท่านั้น
แม้ว่าขณะที่ดูหนังก็ได้เตือนตัวเองตลอดว่านี่คือหนังฮอลลีวูด ที่สร้างมาเพื่อความบันเทิง ยิ่งหนังที่หวังผลทางการตลาดมาก ๆ ตรรกะความเป็นจริงมันก็ยิ่งลดน้อยลงไป แต่สำหรับ Unhinged นี้ผมก็ทำความเข้าใจตามหลักการพื้นฐานข้อนี้แล้ว แต่หนังก็ยังเดินหน้าไปแต่ละนาทีด้วยทิศทางที่ออกห่างจากตรรกะความเป็นจริงไปเรื่อย ๆ
มันก็เลยเป็นฉากแอ็กชันไล่ล่าบนจอที่ดำเนินไปบนความรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการได้เห็นการกระทำไร้เหตุผลของตัวละคร ทั้งฝ่ายล่าและฝ่ายถูกล่า มันเป็นเรื่องที่ฝืนไม่ได้กับการดูหนังที่ตัวละครตกอยู่ในวิกฤตแบบนี้แล้วสมองเราจะต้องคิดตามว่าถ้าเป็นเราจะทำอย่างไร แล้วก็เชียร์ให้ตัวละครทำอย่างนั้นสิ อย่างนี้สิ แต่กับราเชลแล้วเธอก็จะเลือกหนทางที่ชวน……….เฮ้อ อยู่เสมอ
อย่าได้นึกถึงบรรดาตำรวจในเรื่องนี้ที่บทเขียนให้ไร้ประโยชน์อย่างมากซึ่งในฐานะตัวปัญหาของเรื่องนับว่ายังเบาบางเกินไปกับการเป็นเรงขับเคลื่อนให้เขาบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้ เพราะเขาได้ก้าวข้ามเส้นของการฆ่าจากความอาฆาตแค้นส่วนตัวมาเป็นฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนอื่นอีกโดยที่ไม่มีเหตุบาดหมางกันมาก่อนได้แบบง่าย ๆ ส่วนหน้าที่ผู้กำกับตกเป็นของ เดอร์ริก บอร์เธ ถ้าไม่คุ้นหูก็ไม่แปลกครับ เพราะเขาเป็นผู้กำกับชาวเยอรมัน ดูเครดิตผลงานก่อนหน้าแล้วก็ไม่รู้จักเลยสักเรื่อง
เมื่อหนังผ่านเข้าช่วงท้ายหนังก็ไม่เหลือความสมเหตุสมผลอีกต่อไป ตัวเฮียคลั่งก็กลายเป็นวายร้ายโรคจิตตัวหนึ่งซึ่งมองย้อนไปก็เห็นดีด้วยว่าจากที่วางตัว นิโคลาส เคจ ไว้แต่แรกน่ะถูกต้องตามคุณภาพหนังแล้ว เพราะนี่คือบทที่ต้องใช้คำว่า “ลดตัว” มาเล่นของ รัสเซล โครว์ ขนานแท้กับการได้เห็นวายร้ายร่างบิ๊กเบิ้มกำลังกระทืบผู้หญิง และตบเด็ก ถึงได้ชวนให้สงสัยว่ารัสเซลห็นบทแบบนี้แล้วยังรับเล่น ก็แปลว่าเขาน่าจะเดือดร้อนเงินอย่างหนักแล้วล่ะมั้ง
แม้ว่าตัวเลข 33 ล้านจะไม่ใช่ทุนสร้างที่มากมายนัก แต่ดูแล้วก็ชวนให้สงสัยว่าหนังมีอะไรถึงกับต้องใช้ทุนขนาดนี้เชียวหรือ เกือบ 1,000 ล้านบาทเลยนะ เพราะนอกจากรัสเซล โครว์ แล้วนักแสดงคนอื่นนี่โนเนมล้วน ๆ ฉากแอ็กชันใหญ่ ๆ ก็มีระเบิดบ้านหนึ่งหลัง
กับฉากรถชนกันวินาศสันตะโร 1 ครั้งเท่านั้น ในอนาคตเราจะได้เห็นรัสเซล โครว์ โดดมาร่วมวงกับ นิโคลาส เคจ และ บรู๊ซ วิลลิส หากินกับหนังเกรดบีอีกคนก็ได้มั้ง เพราะถ้ารัสเซลยังจะกลับมาเดินสายหนังขายฝีมือแล้วล่ะก็ Unhinged จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยติดในเครดิตของเขาไปตลอดกาล
จุดที่ชอบ
การได้เห็นเฮีย Russell Crowe มารับบทเฮียไร้นามสุดคลั่งก็เป็นอะไรที่คุ้มแล้ว ไม่เคยเห็นเฮียแกรับบทแบบนี้เลย เฮียแกเล่นได้น่ากลัวชะมัด ไม่ว่าจะท่าทาง สีหน้า หรือคำพูด เหมาะกับบทนี้มาก
ส่วนทางฝั่งคุณแม่ยังสาวรับบทโดย Caren Pistorius นี่ก็เล่นดีไม่แพ้กันเลย ฉากตื่นตระหนก วิตกกังวล หวาดระแวง การแสดงสีหน้าต่างๆ ทำออกมาได้ดูเชื่อ ดูจริงมาก รวมถึงการแสดงของน้อง Gabriel Bateman ที่เล่นได้ไม่ธรรมดาเลย
จุดที่น่าชื่นชมไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะฉากขับรถไล่ล่าหนังเรื่องทำได้ดีถึงดีมากเลยทีเดียว ดูรู้เรื่องเลย ไม่ว่าจะมุมกล้อง การถ่ายทำ หรือการตัดต่อต่างๆ ออกแบบแต่ละซีนออกมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
จุดเด่น
การเรียบเรียงเนื้อหาของชีวิตครอบครัวแม่ลูกที่ต้องปากกัดตีนถีบ ไล่เลียงไปจนถึงเหตุการณ์บนท้องถนน เข้าสู่ความขัดแย้ง ก่อนจะพลิกกลับมาแอ๊คชั่นไล่ล่าดุเดือด ถือเป็นการปูพื้นเรื่องได้แน่นมาก ในส่วนของ "รัสเซล โดครว์" ยังคงไม่ทิ้งลายความเก๋า หลังจากหายหน้าหายตาไป 2 ปี จากเรื่อง Boy Erased (2018)
ด้วยการรับเล่นเป็น "ชายวิกลจริต" การทำสีหน้าแววตา อารมณ์คับแค้นใจต่าง ๆ ซีนฉากไล่ล่าทั้งท้องถนนและซีนฆ่าคนแบบไม่กระพริบตา ล้วนทำออกมาได้ชวนระทึกขวัญ สร้างความกดดันให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี...
จุดด้อย
สิ่งที่เป็นไปตามคาดการแสดงของรัสเซล โครว์สามารถทำให้บทตัวร้ายโรคจิตดูมีความน่ากลัวได้จริง แต่ว่าความสามารถระดับรัสเซล โครว์ ก็ยังไม่สามารถช่วยลบรอยแผลอันมากมายจากบทหนังได้ ซึ่งก็นับว่าหนังใหม่ชนโรงเป็นส่วนด้อยอันรุนแรงของหนัง ซึ่งเมื่อดูไปที่ชื่อของผู้เขียนบท คาร์ล เอลส์เวิร์ธ เครดิตของเขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เอาเสียเลย
เพราะมีหนังทริลเลอร์สนุก ๆ ทั้ง Red Eye(2005) และ Disturbia (2007) แต่พอมาถึง Unhinged นี่ คาร์ลกลับเลือกเทน้ำหนักไปที่ตัว ราเชล และ ไคล์ แม่ลูกผู้เป็นเหยื่อของเรื่อง พาคนดูให้ไปรับรู้ชีวิตของเธอในช่วงนี้ ที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ กำลังฟ้องหย่ากับสามี ลูกค้าบอกเลิกจ้าง
ซ้ำยังต้องรับภาระน้องชายและน้องสะใภ้นี่มาขออาศัยอยู่ด้วย แม่ก็ป่วยหลง ๆ ลืม ๆ ทำให้เธอตึงเครียดขณะที่กำลังเร่งรีบไปส่งลูกชายให้ทันเข้าเรียน แล้วเจอรถกระบะคันใหญ่จองนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแม้ว่าไฟเขียวจะสว่างมาหลายวินาทีแล้ว ทำให้เธอกดแตรยาวเข้าใส่ด้วยความหงุดหงิด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความอาฆาตพยาบาทจากคนขับรถกระบะคันหน้า
โดยรวม
โดยรวมมันแฝงนัยยะของการส่งเสียงกระตุ้นเตือนผู้คนที่มักหัวร้อนยามใช้รถใช้ถนน หรือพวกที่มักใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ให้หันมาถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน เพื่อให้สุขภาพจิตของผู้คน และปัญหาการจราจรมันเบาบางลง อะไรประมาณนั้น!
สรุป
ยอมรับเลยว่าระหว่างดูหนังเรื่องนี้ ทั้งเครียด ทั้งเกร็ง ทั้งอึดอัด แม้รู้ว่ามันจะต้องเป็นไปตามสูตรแต่เราไม่รู้ว่าแม่ลูกจะเจออะไรต่อจากวินาทีนี้ แน่นอนว่าเราไม่ได้เห็นด้วยกับเรเชลร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เราก็ไม่เห็นด้วยที่เฮียจะต้องจัดหนักจัดเต็มขนาดนี้ เมื่อรวมกับซับไตเติลไทยที่แปลได้ถึงพริกถึงขิงก็ยิ่งเพิ่มความดุดันให้กับเรื่องขึ้นไปอีก
Comments