รีวิว Dolittle - ด็อกเตอร์ ดูลิตเติ้ล
ออกแบบฉากสวย ซีจีงดงาม การมาดูหนังเรื่องนี้บนจอใหญ่ๆ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด อีกทั้งยังมีเทคนิคการถ่ายทอดและเรียนรู้ภาษาสื่อสารกับสัตว์ที่น่าทึ่งอีกด้วย และนี่เป็นหนังเรื่องแรกในรอบ 6 ปีของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่เขารับบทอื่นที่ไม่ใช่ โทนี่ สตาร์ก ถือเป็นการฉีกบทบาทที่เขายังทำได้ดีเช่นเคย และหากใครอยากเห็นคู่พ่อลูกในจักรมาร์เวลมาเจอกันอีกครั้งก็ต้องไม่พลาด เพราะ ไอรอนแมน กับ สเปอร์เดอร์แมน มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันอีกครั้ง (ถึงอีกคนจะมาแค่เสียงก็ตาม) หนังสอดแทรกข้อคิดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คุณธรรมสัจธรรม การสร้างสัมพันธ์มิตรภาพ หรือ ความสูญเสียและการปล่อยวาง ที่ทุกเพศทุกวัยจะเข้าถึงได้เป็นอย่างดี รีวิว Dolittle
เรื่องย่อ
หลังสูญเสียคนรัก ดร.ดูลิตเติ้ล (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) คุณหมอที่สามารถพูดภาษาสัตว์ได้ทุกตัวเลือกปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกและผู้คนแล้วใช้ชีวิตอยู่กับสัตว์นานาชนิด จนกระทั่งการบุกรุกของ สตับบินส์ (แฮรี คอลเล็ต) ลูกชายนายพรานผู้มาพร้อมกระรอกที่เขาเผลอยิงโดยไม่ตั้งใจมาให้รักษา กับ เลดีโรส (คาร์เมล ลาเนียโด) เจ้าหญิงน้อยที่มาตามตัวดูลิตเติ้ลเข้าเฝ้าถวายการรักษาพระราชินีวิกตอเรีย (เจสซี บัคลีย์) จนได้พบว่าพระราชินีถูกลอบวางยาพิษและหนทางเดียวที่จะถอนพิษได้คือต้องไปหาผลไม้ในตำนานยังดินแดนไกลโพ้น แล้วการผจญภัยระหว่าง สองคนกับเหล่าสัตว์นานาชนิดก็ทำให้พวกเขาต้องเดินทางออกจากโลกใบเดิมที่คุ้นตาไปสู่โลกที่กว้างขึ้นเพื่อหาผลไม้มาถอนพิษให้พระราชินีก่อนแผนการของลอร์ด โธมัส แบดจ์ลีย์(จิม บรอดเบนต์) ที่หวังครองบัลลังก์แทนพระราชินี กับ ดร.แบลร์ มัดฟลาย (ไมเคิล ชีน) หมอหลวงที่สมคบกันจะทำให้ประเทศตกอยู่ใต้อำนาจของทรราช และอาจทำให้บ้านที่เขาและเหล่าสรรพสัตว์ใช้ซุกหัวนอนต้องถูกยึดไปโดยปริยาย
นับเป็นเวลา 100 ปีแล้วที่ Dr. Dolittle ของ ฮิวจ์ ลอฟติง ได้โลดแล่นไปตามสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์เองก็มีการสร้างในหลายเวอร์ชัน โดยย้อนกลับไปปี 1998 ทั่วโลกได้รู้จักกับ Dr. Dolittle ผ่านการแสดงของ เอดดี เมอร์ฟี ดาราตลกผิวสีกับมุกทะเล้น ๆ ใบหน้ากวน ๆ และเหล่าสารพัดสัตว์พูดได้ที่มาสร้างเสียงหัวเราะและความน่ารักโดยดัดแปลงให้เรื่องราวเกิดขึ้นในยุคปัจจุบันจนหนังทำเงินกลายเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์มีภาคต่อตามมาในปี 2001 และยังมีหนังแบบส่งตรงวิดีโอตามมาอีก
นั่นทำให้เห็นว่าเรื่องราวของ ดร.ดูลิตเติ้ล คุณหมอสารพัดสัตว์ยังคงสัมผัสใจผู้คนแม้กาลเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน แต่คล้อยหลังมาเพียง 19 ปีเราก็ได้ดูเรื่องราวของคุณหมอสารพัดสัตว์กันอีกครั้งในผลงานกำกับของสตีเฟน กาแกน ที่เคยมีงานกำกับเขียนบทระดับออสการ์อย่าง Traffic(2000) และ Syriana (2005) แต่คราวนี้กาแกนยึดการเดินเรื่องในยุควิคตอเรี่ยนของอังกฤษตามนิยายอีกครั้ง โดยได้โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่เพิ่งจบภารกิจกับเหล่าอเวนเจอร์มารับบท ดร.ดูลิตเติ้ล คุณหมอที่พูดคุยกับสัตว์ได้ ซึ่งแน่นอนว่าการได้นักแสดงที่ดีก็ทำให้หนังที่มีภาพลักษณ์การเล่าเรื่องดูเชย ๆ และ ซ้ำ ๆ ดูดีขึ้นมาอย่างไม่เคยคิดมาก่อนเลยล่ะ
ประการแรกเลยคือ ดร.ดูลิตเติ้ล ในฉบับนี้ถูกดัดแปลงจากฉบับนิยายที่เป็นหนุ่มโสดให้กลายเป็นหนุ่มหม้ายที่สูญเสียภรรยานักสำรวจสุดที่รักไป จนตัวเขาไร้ซึ่งหัวจิตหัวใจจะออกเดินทางไปไหนแม้แต่จะออกจากบ้านแม้เพียงก้าวเดียว ดังนั้นพฤติกรรมเพี้ยน ๆ ต่าง ๆ ที่โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ต้องแสดงออกก็ถูกคิดมาละเอียดแล้วว่าเกิดจากดรามาที่เป็นเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละคร
ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ความเพี้ยน ความอบอุ่น ความน่ารักของเขากับเหล่าสรรพสัตว์ก็ทำให้ดร. ดูลิตเติ้ลในเวอร์ชันนี้เข้าถึงหัวใจเด็ก ๆ ได้ไม่ยาก แถมยังพอดีแบบไม่เพี้ยนเกินไปเหมือนเชอร์ล็อกโฮล์มแต่ก็ไม่ได้เท่เกินมนุษย์แบบโทนี สตาร์ก จะมีเสียดายหน่อยก็ตรงที่หนังเร่งจังหวะในการเล่าเรื่องเหลือเกินทำให้ฉากที่พยายามจะเล่าดรามามีพื้นที่ของมันน้อยเกินไป แต่หากพิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายของหนังคือครอบครัวและเด็ก ๆ เรื่องการเล่าเรื่องที่ดูเร่งรีบไปหมดแบบนี้ก็ดูจะสนองตอบครอบครัวยุค 4G 5G แบบนี้ดีเหมือนเกิน
อีกจุดที่ดูหนังออนไลน์เป็นข้อดีมาก ๆ คือความฮาของหนังโดยเฉพาะมุกจากเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ได้เหล่าดารามาให้เสียงพากย์ โดยเฉพาะบทนำอย่าง โพลี ที่ได้เอมมา ธอมป์สันผู้ผูกขาดบทสาวใหญ่ใจดีก็ทำให้โพลีมีเสน่ห์และเป็นตัวนำพาเรื่องราวไม่น้อย ซึ่งเรื่องราวบางส่วนก็ถูกบอกเล่าผ่านเสียงของโพลีด้วย
ส่วนกระรอกตัวฮาอย่างเควิน ก็ได้ เครก โรบินสัน ดาราตลกผิวสีมาพากย์ได้กวนชวนหัวเราะมาก ๆ และที่ถือเป็นตัวขโมยซีนมาก ๆ ก็หนีไม่พ้น ชีชี่ ลิงกอริลลาขี้กลัวที่ได้ รามี มาเล็ก จาก Bohemian Rhapsody และ Mr. Robot มาพากย์ได้อย่างมีเสน่ห์คู่กับบท โยชิ หมีขั้วโลกขี้หนาวที่ได้อดีตนักมวยปล้ำอย่าง จอห์น ซีนา มาพากย์ได้อย่างน่ารัก น่าชัง นอกนั้นบทของสัตว์ตัวอื่นก็ถูกเฉลี่ยกันไปอย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ที่มาพากย์เป็น จิ๊ป หมาคู่ใจของดร.ดูลิตเติ้ล เพื่อหวังขายว่านี่คือการกลับมาร่วมงานกันต่อจากอเวนเจอร์ก็กลายเป็นเพียงตัวประกอบไปอย่างน่าเสียดาย
มาว่ากันถึงโปรแกรมหนังความลงตัวของหนังกันบ้าง ด้วยความที่นิยายมีมาเกิน 100 ปี ดัดแปลงมาครบทุกสื่อแล้ว ดังนั้นการที่ทุกคนรู้จักเรื่องราวและคาแรกเตอร์ของดร. ดูลิตเติ้ล จนทะลุขนาดนี้แล้วก็เหมือนกาแกน จะไม่ได้สนใจเล่าที่มาที่ไปของ ดร.ดูลิตเติ้ล นักโดยหนังใช้อนิเมชันสไตล์โรโตสโคป (ถ่ายหนังมาแล้ววาดทับทีละเฟรมให้กลายเป็นการ์ตูน) มาบอกเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของดร.ดูลิตเติ้ลตอนต้นเรื่องเพื่อปูที่มาพฤติกรรมเพี้ยน ๆ ของเขาเท่านั้น
แต่กลับไม่ได้สำรวจสภาพจิตใจของตัวดูลิตเติ้ลฉบับนี้นัก ซึ่งก็น่าเสียดายที่การที่หนังฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่ตัดคำว่า ด็อกเตอร์ ออกจากชื่อเรื่องให้เรารู้สึกถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้นแต่ดันเล่าให้เขากลายเป็นผู้วิเศษเสียยิ่งกว่าเวอร์ชันอื่นเสียอีก และแม้บทจะบังคับให้เขาต้องกลับไปสู้กับพ่อตา (รับบท โดย อันโตนิโอ บันเดอราส) แต่ก็ดันไม่มีอะไรมากไปกว่าการสร้างฉากผจญเสือดุร้ายอย่างแบร์รีแค่นั้นเอง และถ้าพ้นจากดรามาที่เราว่ายังไม่ขยี้ให้สุดแล้ว
ด้านการเล่าเรื่องราวแนวผจญภัยเองที่อุตส่าห์อัดทั้งฉากขับเรือรบไล่ล่า เอาอานใส่ให้ปลาวาฬช่วยเร่งสปีดเรือ ระเบิดเมือง สู้เสือ ไปจนถึงผจญมังกร หนังก็เลือกให้ปมทุกอย่างเริ่มง่ายจบง่ายขาดความตื่นเต้นสำหรับคนดูวัยผู้ใหญ่มากไปหน่อย แต่อย่างว่าหากมองว่านี่คือหนังครอบครัวก็คงต้องทำใจละครับยังดีที่หนังมีทั้งมุกฮาและฉากผจญภัยที่น่าตื่นตาอัดมาถี่พอสมควรแต่เชื่อว่าเด็ก ๆ จะชอบแน่นอน
สรุป
ภาพรวมของ Dolittle ด็อกเตอร์ ดูลิตเติ้ล เป็นหนังแฟนตาซีผจญภัย ที่ดูได้เพลินๆ และเหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หนังยังคงสอดแทรกข้อคิดต่างๆ และแนวทางในการดำเนินชีวิตของคน เป็นการลงรายละเอียดและขยายความเรื่องเกี่ยวกับรู้สึกของคนให้กลายเป็นเรื่องเข้าใจได้ง่ายๆ และลึกซึ้ง เป็นหนังอีกเรื่องที่มีโทนความสดใสและเหมาะกับการเสพตั้งแต่ช่วงต้นปีแบบนี้
Dolittle คือหนังที่เราแนะนำให้ครอบครัวพากันไปสนุกในโรงภาพยนตร์มากกว่าคอหนังที่ต้องการหาหนังแอ็กชันผจญภัยสนุก ๆ น่าตื่นเต้นดู เพราะแม้หนังจะมีซีนน่าตื่นตาตื่นใจอยู่เยอะ แต่โทนการเล่าเรื่องดูจะเอาใจเด็ก ๆ มากกว่าผู้ใหญ่ ยังดีที่ได้มุกฮา ๆ และการพากย์ที่มีเสน่ห์จากเหล่าดาราดังมาทำให้เรื่องราวมีสีสันและงานโพรดักชันที่ทำได้ในระดับไม่น่าเกลียดก็ทำให้ Dolittle เหมาะมากกับการเป็นหนังครอบครัวเปิดปี 2020 ได้อย่างหรรษา
Comentarios