รีวิว Aladdin - อะลาดิน
Aladdin นับเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่นที่สร้างจากการ์ตูนดังของดิสนีย์เรื่องที่ 2 ของปีตามหลัง Dumbo การเรียกใช้บริการ กาย ริชชี่ มาเป็นผู้กำกับนับว่าเป็นก้าวที่กล้าหาญไม่น้อยเลย ด้วยว่าหนังกาย ริชชี่ แทบไม่เคยมีหนังครอบครัวในประวัติการทำงานเลย แถมมุกส่วนใหญ่ยังดูผู้ใหญ่ไม่น้อย จนหลายคนกังวลว่า Aladdin ฉบับนี้จะออกมาเละเทะไปกันใหญ่ แถมยังหมั่นสร้างความตระหนกให้แฟนการ์ตูนต้นฉบับทั้ง ภาพโปรโมตที่วิลล์ สมิธ ปรากฎกายด้วยสีผิวปกติจนเกิดเสียงครหาไปทั่วโซเชียลมีเดีย กระทั่งได้ปล่อยตัวอย่างจริงออกมานั่นแหละถึงพอเบาใจกันได้หลังได้เห็นฉากขี่พรมวิเศษสุดโรแมนติกในความทรงจำ รีวิว Aladdin
เรื่องย่อ
หลังถูกจาร์ฟาร์ (มาร์วาน เคนซารี) เสนาบดีโฉดหลอกให้เอาตะเกียงในถ้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด โจรกระจอกอย่าง อลาดิน (มีนา แมสโซด์) ก็ได้เผลอปล่อย จินนี่ (วิลล์ สมิธ) ยักษ์วิเศษในตะเกียงผู้เสนอพรให้เขา 3 ข้อ อลาดิน เลยใช้พรจากจินนี่ทำให้ตัวเองเป็นเจ้าชายเพื่อหวังพิชิตใจเจ้าหญิงจัสมิน (นาโอมิ สก็อตต์) จนเกิดเป็นความรัก แต่อุปสรรคสำคัญคือความมักใหญ่ไฝ่สูงของจาร์ฟาร์ที่พร้อมเปิดโปงอลาดินและหวังยึดครองบัลลังก์ จนเขาต้องหาทางกำจัดจาร์ฟาร์และรวบรวมความกล้าเพื่อบอกความจริงต่อจัสมินถึงฐานะที่แท้จริงของตน
ความสำเร็จที่อยู่เหนือความหมายคือ Aladdin ใช้ทุนสร้างเพียง 28 ล้านเหรียญฯ แต่กลับทำรายได้ทั่วโลกสูงถึง 504 เหรียญฯ มนต์เสน่ห์ที่ตราตรึงที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง A Whole New World ซึ่งกลายเป็นบทเพลงคลาสสิคระดับตำนานและโด่งดังข้ามกาลเวลามาถึงทุกวันนี้ (พ่วงด้วยการคว้ารางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและรางวัลแกรมมี่อวอร์ดส์สาขา Song of the Year อีกด้วย)
เรื่องราวใน Aladdin ของดิสนีย์โฟกัสไปที่อลาดิน หัวขโมยข้างถนนผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี หลังจากที่เขามีโอกาสได้พบกับเจ้าหญิงจัสมินโดยบังเอิญในตลาดกลางเมือง ทว่าทุกย่างก้าวการเคลื่อนไหวของอลาดินกลับถูก จาฟาร์ เสนาบดีของสุลต่านจับตามองทุกฝีก้าวและเลือกให้เขาเป็นคนที่ต้องลงไปเอาตะเกียงวิเศษในถ้ำกลางทะเลทราย ทว่าหลังจากที่อลาดินได้ตะเกียงวิเศษมาแล้ว เขาบังเอิญปลดปล่อยยักษ์ในตะเกียงอย่างจินนี่ออกมา อิทธิฤทธิ์ของจินนี่สามารถบันดาลพรวิเศษ 3 ประการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของอลาดินไปตลอดกาล
อันที่จริงเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นของผู้กำกับกาย ริชชี่ นั้นรีเมคเหตุการณ์ในแอนิเมชั่นออกมาแบบฉากต่อฉาก (ไม่ต่างจากไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องก่อนๆของดิสนีย์นั่นแหละ) แต่หนังก็ยังเลือกที่จะใส่รายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมเข้าไปในหนัง เพื่อเพิ่มความสมเหตุสมผลของเรื่องราวในฐานะที่ตัวละครเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่อลาดินพาเจ้าหญิงจัสมินมาหลบยังที่พักของตัวเองจากการถูกตามไล่ล่าในท้องตลาด
การเพิ่มเหตุผลว่าทำไมเจ้าหญิงจัสมินถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมานอกพระราชวัง มนต์วิเศษของยักษ์จินนี่ทำไมถึงไม่มีใครจดจำใบหน้าที่แท้จริงของอลาดินหลังจากกลายเป็นเจ้าชายได้ และอีกหลายเหตุผลที่ไม่เคยได้รับการอธิบายในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น ในไลฟ์แอ็คชั่นเรียกว่าอุดรอยรั่วเหล่านี้ได้อย่างน่าสนใจ
ยิ่งไปกว่านั้นการเพิ่มบทบาทและคาแรกเตอร์ของเจ้าหญิงจัสมิน (นาโอมิ สก็อตต์) ให้เป็นมากกว่าแค่ “ตัวละครเจ้าหญิง” ด้วยการให้เธอมีบทบาทในการแสดงความคิดเห็นเชิงการเมืองการปกครอง การมองเห็นบริบทแวดล้อม การหลีกเลี่ยงระบอบการคลุมถุงชนเพื่อประคับประคองอาณาจักร
ซึ่งเป็นที่มาของเพลงเอกของเจ้าหญิงจัสมิน ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น แต่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในเวอร์ชั่นนี้อย่างเพลง Speechless ซึ่งเป็นเพลงที่สามารถอธิบายแนวคิดเชิงเฟมินิสต์ (แนวคิดเชิงความเสมอภาคของสิทธิสตรี) ของเจ้าหญิงจัสมินในเวอร์ชั่นปี 2019 อีกด้วย
แต่หากคิดว่า คนอย่าง กาย ริชชี่ จะคัดลอกการ์ตูนมาแบบหน้าด้านๆ ขอให้คิดใหม่เลย เพราะบทภาพยนตร์ฉบับนี้ กล้าหาญถึงขั้นใส่มุกตลกกาวๆแต่ไม่หยาบคายเข้ามาให้คนดูผู้ใหญ่ได้หัวเราะกันก๊ากใหญ่ๆ อย่างมุกเสียดสีเจ้าชายรูปงามแต่สมองน้อยที่แอบจิกกัดระบอบปิตาธิปไตยได้เจ็บแสบไม่น้อย ผสมผสานไปกับมุกการ์ตูนๆ อย่างเจ้าลิงบาบูจอมซนที่หมั่นหาเรื่องได้อย่างกลมกล่อม
และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ไม่เคยปรากฎในฉบับการ์ตูนแน่ๆ คือความเฟมินิสต์ของเรื่องราวโดยเฉพาะเจ้าหญิงจัสมินที่ฉบับนี้คือกล้าเสนอตัวปกครองประเทศในฐานะสุลต่านเรียกได้ว่าตอบรับกระแสพลังหญิงแบบสุดโต่งจนน่าจะเป็นแรงผลักดันที่ดีให้สาวน้อยทั้งหลายมีโรลโมเดลดีๆ ได้อย่างน่าชื่นชม ถือว่าความพยายามของดิสนีย์ที่พยายามสร้างความเท่าเทียมก็ตอบโจทย์กับการดัดแปลงจนเกิดเป็น Aladdin ฉบับนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับวิสัยทัศน์อีกข้อของกาย ริชชี่ คือการตระหนักรู้ว่าในเมื่อหนังที่ทำมีความเป็นแฟนตาซีเลยไม่ได้ยึดตรรกะกับโลกจริงและสร้างความมหัศจรรย์จากการผสานวัฒนธรรมโดยเฉพาะการนำองค์ประกอบแบบหนังบอลลีวูดมาใช้สำหรับฉากมิวสิคัลที่ทำได้ยิ่งใหญ่อลังการทุกฉาก แถมยังเพิ่มการผสานวัฒนธรรมได้อย่างแปลกตา เช่นฉากเปิดตัวเจ้าชายอาลี ที่ผสมทั้งนักเต้นระบำหน้าท้อง นักเต้นคาร์นีวัล
ไปจนถึงเบรคแดนซ์ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ส่วนฉากมิวสิคัลอื่นๆ ก็เรียกได้ว่า ริชชี่ เข้าใจความเป็นหนังผสานงานออกแบบงานสร้างสุดอลังการและงดงามโดยยังคงมนต์ขลังจากการ์ตูนต้นฉบับไว้ได้ไม่ตกหล่นเลย แถมทั้งยังมีการทำงานในส่วนภาคดนตรีร่วมกับ อลัน เมนเคน ที่เคยทำดนตรีให้กับ Aladdin ฉบับอนิเมชันเมื่อปี 1992 ให้ดัดแปลงเพลงจากต้นฉบับให้มีความร่วมสมัยทั้งใส่กลิ่นอายความเป็นพอพและฮิพฮอพได้อย่างครื้นเครง เรียกได้ว่าในพาร์ตยากสุดๆได้มือดีมาดูแลก็ทำผลงานได้ยิ่งกว่าหายห่วงเลย
นักแสดง
สำหรับเหล่านักแสดงโดยรวมก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีเลยทั้ง มีนา แมสโซด์ ที่รับบทอลาดินได้อย่างมีเสน่ห์ ส่วน นาโอมิ สก็อตต์ ก็สวยวัวตายควายล้มทุกช็อตที่ปรากฏตัวจริงๆ ส่วนคนที่น่าจะรับแรงกดดันสุดๆ อย่าง วิลล์ สมิธ ก็ขอปรบมือชื่นชมด้วยใจจริง ทุกฉากที่มียักษ์จินนี่ วิลล์ สมิธิไม่เคยทำให้ผิดหวัง ความทะเล้น พลังงานในการเต้นที่ล้นเหลือ ไปจนถึงฉากแสดงอารมณ์ไม่มีขาดตกบกพร่อง และน่าจะได้เข้าชิงลูกโลกทองคำสาขานักแสดงตลกแน่ๆ
ใครคิดถึงการ์ตูนต้นฉบับรับรองว่า Aladdin ไม่ทรยศกับหนังในดวงใจแน่นอน ส่วนแฟนๆรุ่นใหม่ก็น่าจะถูกใจกับความจัดจ้านของงานสร้างและเรื่องเล่าที่ร่วมสมัยเอามากๆ นับเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่นจากดิสนีย์ที่สร้างสรรค์มากๆและบันเทิงสุดๆไปเลย
ความรู้สึก
เห็นว่ากันว่าสนุกมาก เลยลองไปดูมาในเวอร์ชั่นพากย์ไทย เพราะความคุ้นเคยกับการดูการ์ตูนดิสนีย์พากย์ไทยมาตั้งแต่เด็กแล้วเลยรับจุดนี้ได้ เรียกว่าคุ้นเคยเลยก็ว่าได้ ซึ่งพากย์ไทยก็ช่างดีสนีย์ดีจังเลย
ตลอดทั้งเรื่อง ดูหนัง HDบันเทิงอย่างมาก ตามสไตล์ดีสนีย์ที่มีงาน musical ให้รับชมกันแบบอลังการงานสร้าง เรื่องนี้ก็ไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ทั้งร้องทั้งเต้นแถมแหวกแนวผสมผสานงานเบรกแดนซ์ ฮิปฮอป ร่วมสมัยมาก ซึ่งงานเพลงร่วมสมัยอันนี้จริงๆ เวอร์ชั่นการ์ตูน(สมัยวิดีโอเทป)ก็มีอยู่..จำได้ สำหรับอะลาดินความร้องความเต้นนี้บอกได้เลยว่ามันส์พะยะค่ะมากๆ อลังการน้องๆ งานเปิดกีฬาโอลิมปิกเลย สนุกใช้ได้เลย
งานกำกับของเฮียกาย ริชชี่ เจ้าของงานกำกับงานบู๊สุดกวนอย่าง Snatch หรือหนังสายลับบู๊สุดฮาอย่าง UNCLE สำหรับอะลาดินความบู๊ความฮาก็มาจัดเต็มใช้ได้สไตล์พี่เค้าเลย บู๊แอคชั่นบันเทิงไร้รอยต่อทอเต็มผืนจริงๆ
ความอลังการงานสร้าง
งานสร้างนับว่ายิ่งใหญ่อลังการมาก ด้วยความเข้าถึงการออกแบบงานสไตล์อาหรับตะวันออกกลางค่อนไปทางโมร็อคโค ทำให้ฉากสวยงามวิจิตรมากๆ ทั้งพร็อพทั้งเซ็ตจัดเต็มดูแล้วเพลิดเพลิน งานเสื้อผ้าก็ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ สวยงามสไตล์ตะวันออกกลางจริงๆ (คือตอนเด็กๆ เข้าใจว่าอะลาดินเป็นคนอินเดีย
แต่พอมาดูหนังออนไลน์ก็เลยเข้าใจใหม่ว่าเป็นอาหรับ) ส่วนงานกล้องก็วางมุมมาตามสูตรหนังแอคชั่น ทำให้ความดิสนีย์มาเจองานแอคชั่นได้ถึงใจดี ดูเร้าใจไปขั้นกว่าของงานดิสนีย์เยอะเลย นับว่าเป็นอะไรที่ใหม่มากเหมือนกัน นอกจากนี้น้องลิงอาบู น้องเสือราชาล และน้องพรมวิเศษก็น่ารักบ้องแบ๊วน่าเอาใจช่วยมากๆ เป็นซีจีที่นั่งอยู่ในใจคนดูราวกับมีชีวิตจริงๆ
การแสดงของอะลาดินและเจ้าหญิงจัสมินนำพาหนังไปได้อย่างลงตัว ถ่ายทอดได้อย่างเฉียบคมทั้งการดำเนินเรื่องและอารมณ์ โดยเฉพาะตัวเจ้าหญิงที่ต้องแสดงจุดยืนทางการเมืองในฐานะสตรีในภาพยนตร์ที่ค่อนไปทางหนังครอบครัว เรียกได้ว่ากำลังดีไม่ขาดไม่เกิน มีพลังมากบางซีนนี่ขนลุกเลย ไม่ธรรมดาจริงๆต้องชื่นชม...ส่วนเฮียวิล สมิธที่เล่นเป็นยักษ์จีนี่ก็กวดและร่าเริงมีพลังไปสุดจริงๆ เอ็นเนอร์จี้ของพี่วิลนี่เต็มเปี่ยมล้นทะลักจนรู้สึกกระปี้กระเป่าตามแอคติ้งของพี่วิลเลยครับ เป็นยักษ์จีนี่ที่เหมือนการ์ตูนแต่แอบมีการตีความการแสดงให้มีมุมที่แอบน่ากลัวๆมีมิติด้านมืดนิดหน่อย
สรุป
Aladin ในเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นนั้น เป็นการรีเมคที่ยังคงดูสนุก บันเทิง มีรายละเอียดปลีกย่อยที่คนเคยดูแอนิเมชั่นมาแล้วก็จะไม่เบื่อ คนที่ไม่เคยดูมาก่อนก็ยังสามารถเข้าใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น บทเพลงคลาสสิกที่เคยสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาแล้ว นำมาทำใหม่ก็ยังคงคุณภาพมาตรฐานเช่นเคย
โดยรวม โครงเรื่องหลักของ Aladdin ยังคงยึดตามแบบฉบับการ์ตูนปี 1992 เป็นส่วนใหญ่ ยังมีเรื่องมิตรภาพ การชิงบัลลังก์ การแต่งงาน ความดีงามจากภายใน อำนาจ เงินทอง และกิเลสของมนุษย์กับพรสามประการอยู่ แต่ก็มีดีเทลหลาย ๆ จุดที่แตกต่างจากต้นฉบับนั้นเหมือนกัน และก็มีเพลงเยอะขึ้น
จากที่ได้ดูหนังทั้งสองเวอร์ชั่นในเวลาไล่เลี่ยกัน เราเองก็พบว่าเราชอบการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่อยู่ในหนังเวอร์ชั่นใหม่นี้ เพราะมันดูสดใหม่ ทันสมัยขึ้น บ้างก็ดูเมคเซนส์ขึ้นในบริบทปัจจุบันหรือสำหรับคนดูที่โตขึ้นมาหน่อย รวมถึงแฝงประเด็นที่เข้มข้นขึ้นกว่าฉบับการ์ตูน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเฟมินิสต์และการเมือง โดยที่เมสเซจเดิม ๆ ที่เคยสอนคนดูในฉบับการ์ตูนก็ยังคงคงไว้อยู่
Comments