My Hero Academia
รีวิว My Hero Academia The Movie : Heroes Rising
My Hero Academia The Movie: Heroes Rising นั้นก็นับเป็นตัวที่ 2 ของตัวอนิเมะ My Hero Academia และแน่นอนว่าในครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะพกพามาทั้งความมันส์ ความตื่นเต้น ฉากเอฟเฟคพลัง ฉากต่อสู้บู๊อลังการถูกจัดใส่มาอย่างเต็มที่! รีวิว Hero Academia Heroes Rising
เรื่องย่อ
เมื่อเหล่านักเรียนชั้นปี 1 ห้อง A ได้เดินทางไปเกาะทางตอนใต้ เพื่อเข้ารับการฝึกฝนในโปรเจคฮีโร่รุ่นใหม่ที่จะมาสานต่อหน้าที่ของออลไมท์ ในสถานที่แห่งนี้สงบสุขและไม่เคยเกิดคดีใหญ่ๆมานานแล้ว แต่ทว่าเหล่านักเรียนปี 1 ห้อง A ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือผู้คนบนเกาะวันสงบสุขนั้นก็ได้จบลง พวกเหล่าวิลเลินนำโดยชายที่ชื่อ “ไนน์” ได้เข้าบุกโจมตีเกาะนี้และเริ่มทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า “เดกุ” และสมาชิกปี 1 ห้อง A ต้องผนึกกำลังร่วมมือต่อต้านเหล่าวิลเลินทั้งหลายอย่างสุดกำลัง เหตุใดที่ “ไนน์” ถึงเลือกบุกจู่โจมเกาะแห่งนี้? เหล่าฮีโร่ปี 1 ห้อง A จะปกป้องเกาะนี้ได้สำเร็จหรือไม่?
ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่แฟนของอนิเมะสุดฮิตอย่าง My Hero Academia เลยสักนิด และที่ตัดสินใจตีตั๋วเข้าโรงเพื่อชม My Hero Academia ในภาค Heroes Rising นี้ก็เป็นผลมาจากกระแสปากต่อปากของเหล่าผู้ชมตัวน้อย ผมเลยเกิดความสงสัยและอยากพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของมันแบบที่ไม่รู้อะไรมาก่อน แม้แต่ชื่อตัวละครก็ไม่หาเข้าไป ผลลัพธ์จะเป็นยังไง เราลองมาดูกันครับ
สิ่งที่อยากจะพูดถึงก่อนที่จะเขียนถึงตัวภาพยนตร์ เพื่ออรรถรสที่จัดเต็มและความเข้าใจที่มากขึ้นนั้นทางทีมงานขอแนะนำให้ดูตัวอนิเมะซีซั่น 4 ก่อนรับชม เนื่องจากไทม์ไลน์นั้นมีความคาบเกี่ยวกับตัวอนิเมะซีซั่น 4 และบางฉากก็มีการอ้างอิงเนื้อเรื่องในอนิเมะด้วย
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ดูก็ไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากตัวภาพยนตร์ยังเข้าถึงได้อยู่ แม้อาจจะไม่ได้เข้าใจง่ายเช่นเดียวกับตัวเดอะมูฟวี่ตัวแรกก็ตาม แต่ก็ยังสามารถสนุกไปกับมันได้อยู่ดี
มาย ฮีโร่ อคาเดเมีย เดอะ มูฟวี่ : วีรบุรุษกู้โลก นั้นก็นับเป็นตัวที่ 2 ของตัวอนิเมะ My Hero Academia และแน่นอนว่าในครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะพกพามาทั้งความมันส์ ความตื่นเต้น ฉากเอฟเฟคพลัง ฉากต่อสู้บู๊อลังการถูกจัดใส่มาอย่างเต็มที่!
ภายในเรื่องจะมีการอธิบายเซ็ตติ้งเรื่องราวที่คุ้นเคย มีการใส่ฉากสบายๆ สดใส ดราม่า แอ๊กชั่น รวมถึงซีนตลกเข้ามาอย่างกลมกล่อมลงตัว ซึ่งฉากตลกบางฉากก็มาอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้เป็นอย่างดี
เนื้อเรื่อง
ส่วนของเนื้อเรื่องนั้นทำให้รู้สึกน่าเสียดายไปบ้าง เพราะตัวเนื้อเรื่องนั้นไม่ได้มีอะไรหวือหวาซับซ้อน เส้นเรื่องถูกดำเนินและบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมา ปริศนาและปมในเรื่องไม่ได้หนักหน่วงจนสามารถเดาทางออกได้ง่าย ไม่ได้มีจุดหักมุมหรือฉากอิมแพคให้ได้ประหลาดใจอะไรเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ดีในเดอะมูฟวี่ก็ยังคงสามารถถ่ายทอดคอนเซปต์ของความเป็นฮีโร่ไว้ได้ดีไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งยังมีการพูดถึงอัตลักษณ์ที่มากขึ้นอีกด้วย
โดยเนื้อหาหลัก ๆ ของ My Hero Academia แล้วจะเดินเรื่องโดยมีศูนย์กลางคือ โรงเรียนมัธยม UA แผนกฮีโร ที่เน้นการฝึกและควบคุมพลังของเหล่านักเรียนเพื่อจะได้เติบโตไปเป็นฮีโรเพื่อปกป้องโลกต่อไป โดยนักเรียนแต่ละคนจะมี “อัตลักษณ์” ที่บ่งบอกถึงพลังต่างกัน
โดยจะมีศูนย์กลางในการเล่าเรื่องอยู่ที่ มิโดริยะ อิซึคุ ที่มีอัตลักษณ์คือ one for all หรือพลังที่สามารถถ่ายทอดและถ่ายโอนอัตลักษณ์ระหว่างบุคคลได้ โดยคราวนี้ มิโดริยะและเพื่อนร่วมชั้นต้องต่อกรกับ วิลเลิน (Villian) ที่มีชื่อว่า นายน์ ที่ใช้ One for all ในทางที่ผิดเพื่อดูดซับอัตลักษณ์ของฮีโรคนอื่นโดยเป้าหมายสำคัญคืออัตลักษณ์การรักษาตัวเองของเด็กชายคนหนึ่งที่เกาะนาบุ ที่เหล่านักเรียนฮีโรกำลังฝึกงานกันอยู่
ยังไม่เคยดูกาตูนมาก่อน
และอย่างที่บอกไปในย่อหน้าแรกว่านี่คือ My Hero Academia เรื่องแรกที่ผมได้ดู ดังนั้นจุดประสงค์ของรีวิวนี้ขออนุญาตเน้นประเด็นว่า ถ้าไม่เคยดู My Hero Academia มาก่อนจะยังสนุกกับแอนิเมะเรื่องนี้ได้ไหม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็นับว่าน่าพอใจและช่วยเติมเต็มอารมณ์อยากดูหนังแอ็กชันได้แบบเกินคาด แต่จะเพราะอะไรบ้างไปดูกันเลย
มี Recap
อย่างที่บอกว่าถ้าไม่รู้จัก My Hero Academia มาก่อนเลยจะดูรู้เรื่องไหม คำตอบก็คือรู้เรื่องครับ เพราะมันมี Recapหรือความเดิมตอนที่แล้วซึ่งหนังเปิดเรื่องมาก็อธิบายเลยว่าตัวพระเอกอย่างมิโดริยะเป็นนักเรียนในโรงเรียนมัธยมUA ที่เป็นโรงเรียนสอนเด็กที่มีพลังวิเศษและบอกด้วยว่านี่คือเรื่องราวระหว่างทางก่อนเขาจะได้เป็นฮีโรที่ยิ่งใหญ่ต่อไป
เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย
ด้วยความที่ตัวหนังเองก็ดูจะเข้าใจผู้ชมขาจรดี ดังนั้นนอกจากการอธิบายบริบทเรื่องพอสังเขปตอนต้นเรื่องแล้ว เรายังพบความฉลาดที่มันเลือกเล่าเรื่องราวที่เกือบจะซับซ้อนเหลือเพียง 2 ประเด็น คือวิลเลินอย่าง ไนน์ กำลังตามล่าหาอัตลักษณ์รักษาตัวเองจากเด็กชายที่เกาะนาบุ และการชิงดีชิงเด่นระหว่าง มิโดริยะ กับ บาคุโก คัตสึกิ ที่เมื่อ 2 เส้นเรื่องมาบรรจบตอนท้ายก็ทำให้ผู้ชมอินได้ไม่ยากเลย
บันเทิงไม่แพ้หนังฮีโรมาร์เวล
เหมือนในยุคนี้ แอนิเมะเริ่มจะขยับคุณภาพงานสร้างให้ซับซ้อนขึ้นและมีความ ซีเนมาติก มากขึ้นกว่าแต่ก่อน คุณภาพงานวาดและการผสานเทคนิกทั้ง 2 มิติและ 3D แอนิเมชันก็ทำได้ดีลื่นไหล การดีไซน์ฉากแอ็กชันและการพากย์ที่ดูใส่ใจ
ที่สำคัญคือผมดูพากย์ไทยด้วยนะ ดูหนังออนไลน์ต้องบอกว่าคุณภาพคือเราเรียกพวกเขาว่า Voice Actor ได้เลย เพราะจัดเต็ม เน้นอารมณ์ จนอดลุ้นตามไม่ได้ แถมเพลงประกอบสไตล์เจร็อกของ Sumiki ทั้งแทร็กเด่นอย่าง Higher Ground ก็เสริมอารมณ์ได้ดีมาก
จุดประทับใจ
และสิ่งที่อยากจะขอชื่นชมและอยากจะพูดถึงมากที่สุดคือการเกลี่ยบทตัวละครในเรื่อง ซึ่งเมื่อเทียบกับเดอะมูฟวี่ตัวแรกแล้วก็ขอบอกเลยว่าครั้งนี้ทำออกมาได้ดีกว่ามาก ทุกตัวละครนั้นมีบทบาทมีช่วงเวลาได้โดดเด่นและเฉิดฉาย ตัวละครที่ไม่ค่อยมีบทบาทในอนิเมะนั้นจะมีช่วงเวลาให้คนดูได้ศึกษาและทำความรู้จักกับพวกเขาดียิ่งขึ้น
เราจะได้เห็นอัตลักษณ์และสไตล์การต่อสู้และพัฒนาการของเหล่าตัวละคร รวมถึงสายสัมพันธ์มิตรภาพ ทีมเวิร์คของโปรแกรมหนังเหล่านักเรียน UA ปี 1 ห้อง A ได้มากขึ้นด้วย! ซึ่งขอบอกเลยว่าพลังทีมเวิร์คของนักเรียนปี 1 ห้อง A นี้ก็เป็นอีกหนึ่งอิมแพคที่น่าประทับใจที่สุดในภาพยนตร์เลยก็ว่าได้!
ฉากต่อสู้
ในส่วนของฉากแอคชั่นต่อสู้ ขึ้นชื่อว่า My Hero Academia แล้ว ฉากแอ๊กชั่น ฉากต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์ครั้งนี้ก็ยังทำออกมาได้ดีมากๆ มีการเล่นมุมกล้องที่ทำให้การเคลื่อนไหวดูลื่นไหลไม่ติดขัด นอกจากนั้นเอฟเฟคพลัง การแสดงออกของอัตลักษณ์ไม่ว่าจะของพวกเดกุ หรือตัวร้ายนั้นเรียกได้ว่าสวยงาม และทรงพลังเป็นอย่างมาก นับได้ว่าเป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนดูได้หลงใหลเลยทีเดียว ใครที่คาดหวังความมันส์ของฉากต่อสู้บอกเลยว่าไม่มีผิดหวัง ได้เต็มอิ่มกับความมันส์ ความเร้าใจอย่างแน่นอน
เพลงประกอบดีมาก
ในด้านเพลงประกอบนั้นทุกคนก็ยังคงจะได้ยินเพลงที่คุ้นเคยกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความอิมแพคและช่วงจังหวะความมันส์ลดลงไปแต่อย่างใด ทุกฉากและเพลงทุกเพลงมีจังหวะที่ถูกวางเอาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ยิ่งทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับฉากต่างๆ ได้มากขึ้น
สรุป
ต้องบอกว่า Two Heroes หรือมูฟวี่ภาคแรกอะมันน่าจดจำด้วยความที่ไคลแม็กซ์มันเดือดมาก ฉากแอ็คชั่น สกอร์ หรือแม้แต่งานภาพสวย เนียนตา จนสะใจ ต่อให้ไม่ใช่แฟนยังสนุกได้ แต่มันก็มีแผลอย่างเช่นว่าหนังเน้นไปแค่เดกุกับออลไมท์ (อาจจะอิงกับในทีวีซีรีส์ด้วยส่วนหนึ่ง) แต่มันก็เลยทำให้ภาคนี้เขาพยายามที่จะกระจายความเด่นให้กับเพื่อน ๆ นักเรียนคนอื่น ๆ บ้าง โดยเฉพาะบาคุโกที่ภาคนี้เด่นมากเลยทีเดียวนะ แล้วนี่ก็ถือว่าเป็นข้อดีหลัก ๆ ของหนังเลยที่แบบน่าจะทำให้แฟนคลับของตัวละครหลายคนในเรื่องได้มีช่วงโชว์ของที่แบบชัดเจน เต็มอิ่มมาก
สรุปแล้วก็ต้องบอกว่า มาย ฮีโร่ อคาเดเมีย เดอะ มูฟวี่ : วีรบุรุษกู้โลก ก็ถือว่าเป็นแอนิเมะสายแอ็กชันที่ดูง่ายมาก เล่าเรื่องสนุก แม้ว่าอาจจะมีงง ๆ ความสัมพันธ์ตัวละครเล็กน้อย เพราะจากข้อมูลที่หามาได้คือมันเล่าเรื่องในรอยต่อระหว่างซีซัน 3 กับ ซีซัน 4 แต่กระน้้นความสนุกจากเรื่องราวและดีไซน์ฉากแอ็กชัน รวมถึงงานพากย์เสียงก็ยังเต็มอารมณ์และสนุกเกินคาดอยู่ดีครับ
ปล. ดูเดอะมูฟวี่ก่อนหน้า > รีวิว My Hero Academia Two Heroes ที่นี้
Comments