Nobita's Treasure Island
รีวิว Doraemon The Movie 2018 : Nobita's Treasure Island
ถ้าให้พูดถึงการ์ตูนอันดับ 1 ในใจคนไทยหลายคน แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ โดราเอมอน แมวสีฟ้าที่มาจากโลกอนาคตพร้อมของวิเศษต่างๆ ซึ่งนอกจากฉบับหนังสือการ์ตูน และการ์ตูนฉายเป็นตอนทางทีวีแล้ว โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ หรือ โดราเอมอน ฉบับภาพยนตร์ฉายในโรงหนังก็เป็นอีกเวอร์ชั่นที่แฟนๆ ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ติดตาม วัดได้จากรายได้ที่ถล่มทลายทุกครั้งที่เข้าฉายในญี่ปุ่น จนกลายเป็น 1 ในหนังอนิเมชั่นสุดคลาสสิกของแดนอาทิตย์อุทัยไปแล้ว รีวิว Doraemon The Movie 2018
เรื่องย่อ
เรื่องราวของโดเรม่อนกับผองเพื่อนที่ได้ผจญภัยไปในทะเล Caribbean โดยมีโนบิตะเป็นกัปตันเรือ ต้องต่อสู้กับศัตรู ส่วนชิซูกะก็โดนลักพาตัวไป แถมยังมีพายุโหมกระหน่ำเข้ามาอีก ทั้งหมดต้องร่วมฝ่าฟันจนไปเจอกับเกาะปริศนาแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นพวกเขาได้ค้นพบว่ามันเป็นมากกว่าเกาะธรรมดาๆ เกาะหนึ่ง
ก่อนหน้าที่จะเปิดตัวฉายในบ้านเรา ก็ได้ยินกิตติศัพท์มาแล้วว่า เดอะ มูฟวี่ ภาคนี้ (นับรวมภาคที่ 38, ภาคที่ 13 ของทีมสร้างชุดใหม่) มีฟีดแบ็กที่ดีมากแถมยังทำเงินได้มากที่สุดในบรรดาเดอะมูฟวีของเจ้าแมวสีฟ้าทุกภาคที่ผ่านมาเลย โดย Doraemon The Movie 2018: เกาะมหาสมบัติของโนบิตะนั้นมีเนื้อหาที่ดัดแปลงมาจากนวนิยาย Treasure Island ของ โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน แถมน่าสนใจตรงที่ได้ คาวามุระ เกนคิ คนเขียนบทหนังดังอย่าง If Cats Disappeared from the World มาช่วยเขียนบทในภาคนี้อีกด้วย
สำหรับเนื้อหาในภาคนี้เริ่มจากไอเดียของ โนบิตะ ที่เกิดความอยากออกไปผจญภัยหาสมบัติในท้องทะเล ร้อนถึงโดราเอมอนต้องงัดอุปกรณ์มาสนองนี๊ดเช่นเคย และเมื่อการล่องเรือเริ่มขึ้นพวกเขาทั้ง 5 ก็แล่นเรือสมุทรที่ชื่อ ‘โนบิตะโอร่า’ ออกเดินทางตามหาสมบัติ ซึ่งจากแผนที่นั้นพบสัญญาณของสมบัติล้ำค่ากลางมหาสมุทรแปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเดินทางนั้นพวกโดราเอมอนได้พบเกาะลึกลับจึงเตรียมจอดเพื่อสำรวจ แต่แล้วกลับถูกกลุ่มโจรสลัดลึกลับโจมตีอย่างหนัก ซึ่งก็ทำให้ ชิซูกะ ถูกจับตัวหายไปในมหาสมุทร ขณะเดียวกันพวกโดราเอมอนก็ได้พบกับ ฟร็อก เด็กชายผมทองพร้อมกับ ควิซ หุ่นยนต์นกแก้วแสนรู้ ที่เชื่อมโยงเบาะแสนำไปสู่การค้นพบความลับของสมบัติใต้ทะเล
เดอะ มูฟวี ภาคนี้ ถือได้ว่าเดินเรื่องได้สนุก รวดเร็ว กระชับ มีรสชาติ ตัวละครมีมิติ ไม่เด็กเกินไป แต่เป็นเด็กที่มีความคิดไม่ธรรมดา การตัดสินใจที่เป็นผู้ใหญ่ ดูแล้วไม่รู้สึกว่าเป็นการ์ตูนเด็กจ๋า เหมือนเดอะ มูฟวี บางภาค กระจายบทได้ดี แถมภาคนี้ชิซูกะได้บทเด่นด้วย นอกจากนี้ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ
ภาพรวมของเนื้อหา เป็น เดอะ มูฟวี ที่มีเรื่องราวของความไฮเทคเข้ามาเยอะมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าดัดแปลงตัดแต่งพันธุกรรมกลายเป็นการ์ตูนร่วมสมัยดูสนุกไปเลย และยังคงคีพเมสเซจเรื่องมิตรภาพและความสามัคคี รวมทั้งจังหวะฮาขบขันเปิ่น ๆ ต๊อง ๆ แบบโดราเอมอน ให้ได้นึกถึง งานของทีมสร้างชุดเก่าได้บ้าง
วิจาร์ณ
ทั้งนี้ โดราเอมอน ตอน เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ คือ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ตอนที่ 38 จากเฟรนไชส์ Doraemon The Movie โดยได้เค้าโครงมาจากนวนิยายของ โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน เรื่อง เกาะมหาสมบัติ ซึ่ง Doraemon The Movie 2018: Nobita's Treasure Island มี อิมาอิ คาซุอากิ ผู้กำกับ โดราเอมอนฉบับอนิเมชั่นที่ฉายทางโทรทัศน์มารับหน้าที่กำกับโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก และยังได้ คาวามุระ เกนคิ คนเขียนบท If Cats Disappeared from the World มาเขียนบทหนังให้ใหม่
ตัวหนังน่าสนใจกว่าที่คิด
เชื่อว่าหลายคนอาจเคยอ่านหรือดู โดราเอมอน ตอน เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฉบับหนังสือการ์ตูนหรือเวอร์ชั่นฉายทางทีวี ทว่า Doraemon The Movie 2018: Nobita's Treasure Island มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องไปจากฉบับดั้งเดิมพอสมควร ไม่เหมือนกับเรื่องราวที่เราเคยผ่านตามาก่อน เนื่องจากไม่ได้รีเมกมาจากต้นฉบับทั้งหมดเหมือนบางภาค แต่ใช้วิธีเขียนเรื่องราวขึ้นมาใหม่ โดยอ้างอิงโครงเรื่องเดิม ทำให้เนื้อหาของหนังดูสนุก น่ารัก ร่วมสมัย ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ
ที่สำคัญคือผู้กำกับสร้างภาพยนตร์ออกมาให้เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สามารถเข้าชมได้ทั้งครอบครัวโดยที่ไม่ได้มีฉากรุนแรงเกินไป ดูหนัง HDและไม่ได้เดินเรื่องน่าเบื่อแบบหนังการ์ตูนเยาวชน มีความเข้มข้นของบทที่คนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงได้ นอกจากนั้น ยังคงถ่ายทอดแง่คิดดีๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ มิตรภาพ ความรัก ความฝัน ออกมาได้อย่างลงตัว น่าประทับใจเช่นเคย
ส่วนงานโปรดักชั่น
ลายเส้นกับภาพสวยงาม แต่ภาคนี้มีกลิ่นอายของ อาจารย์ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ผู้เขียนโดราเอมอนอยู่สูงกว่าภาคอื่นๆ เพราะผู้กำกับปรับมาใช้ลายเส้นตัวละครให้คล้ายกับการ์ตูนยุคเก่าปี 1980 หนังออนไลน์จึงได้อารมณ์ของอนิเมชั่นในอดีต ขณะที่ดนตรีและเพลงประกอบก็ไพเราะ แน่นอนว่าคนดูกลุ่มผู้ใหญ่ที่เป็นแฟนคลับมังงะเรื่องนี้มาตั้งแต่ยุค 80-90 จะมีความรู้สึกเหมือนได้กลับมาเจอเพื่อนเก่า ได้คิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก หลายซีนทำให้บางคนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และบางซีนอาจทำให้หลายๆ คนนํ้าตาคลอ แอบกระซิบว่าภาคนี้มีเจ้า มินิโดรา ออกมาโลดแล่นด้วย
ด้านอรรถรส
ในการชม Doraemon The Movie 2018: Nobita's Treasure Island มีเข้าฉายทั้งแบบ พากย์ญี่ปุ่นซับไทย และพากย์ไทย ซึ่งไฮไลต์ของฉบับเสียงภาษาไทย นอกจากจะรวมตัวทีมพากย์โดราเอมอน ฉบับฉายทางทีวีในบ้านเรามาเกือบครบทีมแล้ว ความพิเศษคือยังได้ น้าต๋อย เซมเบ้ ที่หายป่วยกลับมาพากย์เสียงเป็น ไจแอนท์ อีกครั้ง ผู้ชมสามารถเลือกได้ตามความชอบส่วนตัวเลย
ส่วนที่ชอบและไม่ชอบ
เพลงประกอบที่บางช่วงเหมือนคิดจะใส่ก็ใส่มาดื้อๆ และบางช่วงที่ควรจะใส่เพื่อบิลด์อารมณ์ของคนดู แต่หนังก็ไม่ใส่ และเป็นเสียงเงียบๆแทน และทำให้ผมคิดว่าหนังมันจบแล้วด้วย และการใส่ดราม่ามันทำให้ความสนุกมันดูดรอปลงไปนิดหน่อย บางช่วงก็รู้สึกไม่สนุก และเหตุผลของการเป็นตัวร้ายของตัวร้าย
สรุป
เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ ถือว่าเป็นแอนิเมชันงานคุณภาพของปีเรื่องหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ตัวละครมีความน่ารัก มีปม มีรายละเอียดที่ผู้ใหญ่สามารถดูได้เพลิน ไม่หวานเลี่ยน ไม่บดขยี้น้ำตาจนเกินไป หลายคนที่ห่างหายจากการดูโดราเอมอนไปนาน ๆ กลับมาดูอีกครั้งก็รู้สึกอินและประทับใจหัวจิตหัวใจของตัวละคร ที่ยังเปี่ยมไปด้วยไฟและความกล้าหาญ กล้าคิดกล้าทำของความเป็นเด็ก ซึ่งไม่เคยหายไปจากตัวละครที่ชื่อ โนบิตะ เลย
Comentários