top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนattempt pai

Doctor Sleep ลางนรก

รีวิว Doctor Sleep ลางนรก

สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Doctor Sleep ลางนรก นี่คือหนังสยองขวัญดัดแปลงจากนิยายปี 2013 จากปลายปากกาของ สตีเฟน คิง (Stephen King) นักเขียนนิยายสยองขวัญแห่งยุค โดยเป็นเรื่องราวภาคต่อที่คิงใช้เวลาห่างจากเล่มแรกที่ชื่อ The Shining คืนนรก เมื่อปี 1977 ถึง 36 ปีทีเดียว ถ้าคุณรู้จักคิงอยู่บ้างคุณก็น่าจะพอทราบว่า นิยายของเขาถูกถ่ายทอดสู่สื่ออื่น ๆ ทั้งมินิซีรีส์ทางโทรทัศน์ ตลอดจนหนังฮอลลีวูดหลายเรื่อง

โดยเฉพาะ The Shining โรงแรมผีดุ หนังปี 1980 ซึ่งเป็นหนังภาคแรกนั้นก็ถูกดัดแปลงจากผู้กำกับระดับตำนานของวงการหนังอย่าง สแตนลีย์ คูบริก (Stanley Kubrick) และจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรรู้เรื่องราวหลากหลายเวอร์ชันที่สร้างจากนิยายเล่มแรกเสียก่อน รีวิว Doctor Sleep  ลางนรก ดูหนังออนไลน์


รีวิว Doctor Sleep ลางนรก

เรื่องย่อหนัง หนัง Doctor Sleep หรือชื่อไทยว่า ลางนรก “Doctor Sleep” จะเป็นเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ใน The Shining ในอีก 40 ปีถัดมาจากเหตุการณ์สยอง ณ โรงแรมโอเวอร์ลุค ที่ยังคงทำให้แดนรู้สึกหวาดกลัวจนถึงทุกวันนี้ แดนพยายามหาวิธีให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขที่สุด แต่ความสงบสุขนั้นกลับพังทลายลงเมื่อแดนได้เจอกับ แอบรา หญิงสาวจิตใจกล้าหาญเจ้าของพลังวิเศษเรียกว่า “ไชน์” ที่เดินทางออกตามหาแดนเพื่อขอความช่วยเหลือให้ร่วมต่อสู้กับ โรส เดอะ แฮท ผู้เหี้ยมโหด และเดอะ ทรู น็อต กลุ่มลัทธิคัลต์ลูกสมุนของเธอ ที่ออกตามล่าเด็กผู้บริสุทธิ์เพื่อชีวิตอมตะของตัวเอง จากคนแปลกหน้ากลายเป็นพันธมิตร


ในระหว่างที่แดนและแอบราต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงอันตรายในสงครามใหญ่กับโรส จิตใจอันบริสุทธิ์และกล้าหาญของแอบรากลับปลุกพลังลึกลับภายในตัวของแดนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่นั่นทำให้เหล่าภูติผีวิญญาณร้ายในอดีตฟื้นคืน และทำให้แดนต้องเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวอีกครั้ง


“Doctor Sleep” สร้างอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของเจ้าพ่อสยองขวัญ สตีเฟ่น คิง ซึ่งเป็นภาคต่อของนวนิยาย The Shining ที่มีการสร้างเป็นภาพยนตร์และขึ้นแท่นเป็นต้นตำรับความสยองไปเมื่อปี 1980 กำกับและเขียนบทโดยไมค์ ฟลานาแกน ผู้ฝากผลงานสยองชื่อดังไว้แล้วมากมายอาทิ Oculus (2013), Before I Wake (2016), Gerald’s Game (2017) และซีรีส์ทางช่องสตรีมมิ่ง The Haunting of Hill House ร่วมกับทีมนักแสดงนำโดย ยวน แม็คเกรเกอร์, รีเบคก้า เฟอร์กูสัน และเจค็อบ เทรมเบลย์


ดูจากเปลือกถึงแก่นวิธีการเล่าหนังเรื่อง Doctor Sleep ลางนรก ค่อนข้างชัดเจนว่ามีความตั้งใจสืบทอดมรดกของหนังอย่าง The Shining (1980) ของผู้กำกับดังอย่าง สแตนลีย์ คูบริก (Stanley Kubrick) ในเชิงคารวะอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการตัดต่อแบบครอสเฟด การตั้งกล้องถ่ายบทสนทนาที่นิ่งงัน และเสียงดนตรีที่ใช้แบบเดียวกับหนังของคูบริก ยังไม่นับรวมการสร้างฉากเปิดเรื่องของ The Shining ที่กล้องค่อย ๆ บินข้ามทะเลสาบไล่ตามรถของทอร์แรนซ์ที่วิ่งไปตามไหล่ภูเขาสู่โรงแรมโอเวอร์ลุก จนกระทั่งโถงและห้องหับต่าง ๆ ในโรงแรมขึ้นมาใหม่เพื่อให้ตัวละครได้กลับไปอีกครั้ง


ซึ่งทั้งหมดคือฝีมือของผู้กำกับ ไมก์ ฟลานาแกน (Mike Flanagan) ที่สร้างชื่อจากซีรีส์เรื่อง The Haunting of Hill House ฮิลล์เฮาส์ บ้านกระตุกวิญญาณ ทางเน็ตฟลิกซ์ จนได้รับคำชมล้นหลามจากการบรรยากาศสยองได้อย่างคลาสสิกและท้าทาย เขาจึงเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ในการสานต่องานภาพยนตร์ของผู้กำกับระดับตำนาน และเนื้อเรื่องจากหนังสือยอดนิยมของ สตีเฟน คิง (Stephen King) ราชานิยายสยองขวัญแห่งยุค ให้ออกมาลงตัวที่สุด


ซึ่งถ้าพิจารณาจากความเป็นคนนอกไม่ใช่แฟนของคิง หรือคูบริก เราคงบอกได้เต็มปากว่านี่เป็นหนังที่เดินเรื่องได้ง่วงเหงาหาวนอนได้สมชื่อ หมอหลับ มาก ๆ ทั้งบทสนทนาแบบนิยาย การถ่ายและเล่าปูเรื่องที่อืดอาดมากรายละเอียดที่ไม่จำเป็น ซึ่งดันเป็นสไตล์นิยายที่มักมีจุดล้น ๆ และอิหยังวะในบางจุด ยิ่งเรื่องนี้มีปัญหามาตั้งแต่ตัวนิยายที่เส้นเรื่องเยอะและดูไม่ได้เข้ากันลงตัว ทั้งเรื่องราวของ แดนนี่ ที่โตมาประสบปัญหาเดียวกับพ่อคือติดเหล้าและอารมณ์ร้าย


เรื่องราวของแดนที่เป็นบุรุษพยาบาลดูแลคนชราที่มีแมวที่รู้ล่วงหน้าว่าใครจะตายเป็นคู่หู และแดนต้องทำหน้าที่นำพาผู้ป่วยสู่สุขคติจนได้ชื่อ หมอหลับ เรื่องราวของกลุ่มลัทธิสูบวิญญาณคนเพื่อต่อชีวิตตนเองในนามทรูน็อตที่มีผู้นำคือสาวสวยนาม โรสเดอะแฮต ที่ไล่ล่าผู้มีญาณวิเศษรวมถึงชักชวนสมาชิกใหม่เข้ากลุ่ม


เรื่องราวของแอบราเด็กสาวที่มีพลังไชน์นิ่งเหนือกว่าผู้ใดที่ต้องปกปิดพลังเพื่อให้คนรอบตัวสบายใจ เรื่องราวความสัมพันธ์ของแดนกับแอบราในฐานะเพื่อน ครอบครัว และครูกับศิษย์ เรื่องราวการสะสางปมในอดีตของแดนกับโรงแรมโอเวอร์ลุก จะเห็นว่าแค่พลอตเองก็มีมากมายแล้วในเรื่องเดียว แม้จะเรียงร้อยเป็นเนื้อเดียวด้วยการผูกสถานการณ์ได้


แต่ในภาพรวมของธีมและพลอตใหญ่เรากลับพบว่าหนังไม่สามารถไปถึงจุดที่ชัดเจนได้ ผู้ชมหลายคนจึงรู้สึกว่าหนังมีเรื่องเล่าเยอะมากและกระจัดกระจาย


ยิ่งถ้าไม่ได้ดูหรืออ่าน The Shining มาก่อนพลังของหนังจะลดลงไปเยอะมากทีเดียว


เมื่อมองเช่นนี้ก็ต้องบอกว่า จริงแล้ว Doctor Sleep ลางนรก คงเป็นหนังที่ทำมาเอาใจแฟนหนังหรือนิยายเดิมมาเสียมากกว่า ซึ่งข้อดีก็มีไม่ใช่น้อย คือถ้าคุณเป็นคนที่อ่านนิยายมาทั้ง 2 เล่ม คือ คืนนรก และ ลางนรก หนังเรื่องนี้มีการตัดส่วนเกินที่ทำให้หนังเดินเป๋ออกไปเช่นประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างแดนกับแอบรา ซึ่งเป็นข้อดี ในขณะที่การบิดบทสรุปของ The shining ในปมเรื่องพ่อของแดนหนังก็ทำได้ลงตัวดีกว่านิยายพอสมควร


ถือว่าเป็นการดัดแปลงหนังสือมาเป็นหนังที่ดีเลยทีเดียว เสียดายเพียงว่าต้นทางหนังสือของคิงนั้นก็บิดให้สนุกกว่านี้ได้ยาก โดยเฉพาะพลอตฮีโรสู้ปีศาจที่ราวกับหนังมาร์เวลในแบบคิงนี่เป็นอะไรที่ควรสนุกล่ะ แต่ก็เกินเลยจากความน่ากลัวจริง ๆ ในแบบ The Shining ไปมากทีเดียว และถ้าผู้สร้างยังเคารพคิงอยู่แบบนี้ มันก็ยิ่งเป็นงานยากเข้าไปใหญ่ในการจะจับต้องส่วนต่าง ๆ ของหนังโดยเฉพาะการตัดทิ้งที่ควรทิ้งได้มากกว่านี้


เช่นนี้แล้วในตัวไมก์ ฟลานาแกน จึงมีทั้งด้านขัดแย้งในการต้องประสานไมตรีระหว่างคูบริกกับคิง ในขณะเดียวกันก็มีด้านที่อ่อนโยนในการเคารพที่จะดัดแปลงให้ลงตัวมากที่สุด เราจึงเห็นรอยแผลของผีคูบริกและผีคิงในหัวของผุ้สร้างผ่านตัวผลงานหนังเรื่องนี้ออกมาอย่างเมามัน เรียกว่าทั้งเคารพและสาวหมัดใส่กันไม่ยั้ง


ตั้งแต่เรื่องราวตามนิยายของคิงเป็นแกน แต่รายละเอียดที่สำคัญที่คูบริกแก้ภาพจำไปแล้วอย่างเลขห้อง ทิศทางศิลป์ของหนัง หรือชะตาของดิ๊กใน The Shining กลับเจริญรอยตามคูบริก ฉากจบที่คูบริกเปลี่ยนนิยายของคิงไปแล้วใน The Shining ก็เช่นกัน ฟลานาแกนก็มาช่วยแก้ไขให้คิงได้เอาคืนคูบริใน Doctor Sleep อีก คือถ้าเป็นแฟนของทั้ง 2 ท่านนี้ทำการบ้านทั้งแบบนิยายและฉบับหนังมาดี จะสนุกมากกับการเห็นการชิงชัยระหว่าง 2 แนวคิดจริง ๆ มันมาก


สรุป

เว็บดูหนัง คิดว่านี่เป็นหนังที่เหมาะกับแฟนหนังฉบับเดิมของคูบริกมากที่สุด รองลงมาคือแฟนหนังจากนิยายของคิง และท้ายสุดคนที่อยากลองประสบการณ์แปลกใหม่ที่คลุกผสมผลงานตำนานจาก 2 สื่อมารวมกันด้วยวิสัยทัศน์ที่ดีมากตามกรอบจำกัดที่ชื่อว่าความเคารพต่อต้นฉบับนั่นเอง

ดู 7 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page