top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนattempt pai

Angel Has Fallen


รีวิว Angel Has Fallen

รีวิว Angel Has Fallen ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์


ภาคแรก Olympus Has Fallen (2013) ไมค์ แบนนิ่ง ต้องปกป้องประธานาธิบดีที่โดนผู้ก่อการร้ายบุกถล่มทำเนียบขาว ภาคต่อมา London Has Fallen (2016) ไมค์ แบนนิ่ง และประธานาธิบดีเดินทางไปลอนดอน ไมค์ แบนนิ่ง ต้องพาประธานาธิบดีหนีตายจากการไล่ล่าของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ด้วยแนวคิดหนังที่ว่าด้วยวีรกรรมของไมค์ แบนนิ่ง ในการปกป้องชีวิตของประธานาธิบดีจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายในสถานที่แตกต่างกันไปในแต่ละภาค

ทำให้คนดูคาดเดาว่าเมื่อมีการสร้างภาค 3 ก็จะต้องเล่าวีรกรรมของไมค์กับประธานาธิบดีในสถานที่ที่ต่างออกไปอีกครั้ง ก็นับว่าเป็นจุดที่น่าชื่นชมสำหรับทีมผู้สร้าง ที่เลือกก้าวออกจากรูปแบบของหนัง ไม่ตามกรอบที่ภาค 1 ภาค 2 ดำเนินไว้ แต่เลือกเล่าในทิศทางที่ต่างออกไป รีวิว Angel Has Fallen ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์  ดูหนังออนไลน์


ไม่คิดเลยว่าหนังอย่าง Olympus Has Fallen จะเดินทางมาจนมีถึง 3 ภาคได้ถ้าโคนันคือตัวซวยไปไหนก็มีคนตาย ไอ้ Mike Banning นี่ก็คือตัวซวยเช่นกัน เป็นคนอารักขาประธานาธิบดีที่พาชิบหายทุกครั้งไป ตั้งแต่ภาคแรกปกป้องประธานาธิบดีในทำเนียบขาวใน Olympus Has Fallen (2013) พอมาภาคสองใน London Has Fallen (2016) ต้องเดินทางไป London ก็โดนคนร้ายไล่ฆ่าประธานาธิบดีอีก และมาในภาคนี้ประธานาธิบดีก็ยังโดนอีก!!! แต่มันแตกต่างกันออกไปตรงที่ คราวนี้ Mike โดนใส่ร้ายว่าเป็นตัวตั้งตัวตีวางแผนสังหารประธานาธิบดีนั่นแหละ


ภาคนี้ทีมงานก็เลยไม่ต้องมาขบคิดกันให้ปวดสมองว่าจะย้ายเรื่องราวให้ไปเกิดในมุมไหนของโลก แต่กลับมาเล่าเรื่องราวบนแผ่นดินอเมริกา เพิ่มวิกฤตการณ์ของเรื่องจากเดิมที่ประธานาธิบดีเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อการร้าย แต่รอบนี้เขียนให้ไมค์ แบนนิ่ง ต้องรับภาระหนักขึ้น เพราะนอกจากจะต้องปกป้องชีวิตประธานาธิบดีแล้ว เขายังถูกจัดฉากให้เป็นผู้ต้องหาพยายามสังหารประธานาธิบดีเสียเอง ต้องหนีทั้งตำรวจและผู้ก่อการร้าย ขณะเดียวกันก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์และกระชากหน้ากากวายร้ายตัวจริง ก่อนที่ประธานาธิบดีจะถูกบุกถล่มเอาชีวิตรอบ 2


เอาจริงๆ ในภาคนี้เหมือนพยายามทำให้หนังมีมิติมากขึ้นกว่าหนังแอ็คชั่นปกป้องประธานาธิบดีธรรมดาๆ มีการให้พระเอกสภาพย่ำแย่น่าเอาใจช่วยมากขึ้น หรอ? (เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เอาจุดนี้มาเล่นเท่าไหร่เลย) มีการใส่ร้ายป้ายสี แต่เหมือนมันจะไม่เวิร์คเอาซะเลย เริ่มตั้งแต่บทที่เดาง่ายว่าใครเป็นตัวร้าย เห็นหน้าก็รู้เลยอะว่าไอ้นี่ร้ายแน่ๆ ตัวร้ายที่แลดูจะร้ายแต่ดูง่อยมาก เทคโนโลยีสุดไฮเทคของตัวร้ายก็ถูกนำมาใช้แค่ที่เห็นในตัวอย่างเท่านั้นล่ะ, เหตุผลหรือแรงจูงใจในการก่อการร้ายอีก การใส่ร้ายป้ายสีพระเอกนี่เชยมาก ไม่คิดว่ายังมีการทำแบบนี้ในหนังยุคปัจจุบันอยู่, อีกทั้งบท FBI และอีกหลายๆ ส่วนยิบย่อยที่ไม่รู้จะใส่มาทำไม มันดูเบาหวิวไปซะหมดเลย มันควรจะเอาไปเล่นอะไรได้เยอะมาก โดยรวมแล้วมันคือความเชยมากของการเป็นหนังสักเรื่อง


เรามาดูในแง่ของความแอ็คชั่นกันบ้าง ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าภาคนี้มีฉากแอ็คชั่นน้อยที่สุดในแฟรนไชส์นี้เลย มีนิดๆ หน่อยๆ ระหว่างเรื่อง และค่อยโผล่มาตอนท้าย ที่ไม่ได้ชวนว้าว ตื่นเต้น โชว์ความเทพของพระเอกแต่อย่างใด ค่อนไปทางเฉยๆ ด้วยซ้ำ พอเพลินๆ ในระดับที่ธรรมดาเท่านั้น จึงไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนังยังคงรักษามาตรฐานการทำเอฟเฟ็คได้ดีอยู่ ระเบิดตูมตาม ยิงกันเปรี้ยงปร้าง ที่ออกมาดูไม่น่าเกลียด


ตัวละครที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องกลับเป็นพ่อของ Mike Banning ซะงั้น ที่ทำให้หนังแลดูมีสีสันขึ้นมาทันทีที่เขาปรากฏตัว จากน่าเบื่อๆ ยังพอทำให้บันเทิงขึ้นมาได้บ้าง แต่พอบทของเขาหายไป หนังก็กลับมาเหมือนเดิม และน่าเสียดายที่ตัดบทพ่อของเขาทิ้งดื้อๆ ให้หายไปซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่น่าจะนำมาเล่นอะไรได้อีกเยอะเลย ทางด้านฝีมือนักแสดงคนอื่นๆ ก็ทรงๆ ตามมาตรฐาน ไม่ได้โดดเด่นจนร้องว้าว หรือไม่ได้หยีจนต้องบอกว่าแย่


หนังเลือกคงจุดเด่นของแฟรนไชส์ไว้ในด้านพิษสงของเหล่าผู้ก่อการร้าย ยิ่งวายร้ายมีความสามารถเก่งกาจมากขึ้น ความเข้มข้นของหนังก็จะมากขึ้นตาม ในภาคนี้ผู้ก่อการร้ายก็ยังมาเป็นกองทัพเช่นเคย แต่รอบนี้ไม่ได้มากด้วยจำนวนคน แต่เป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮเทค ส่วนหนึ่งเราได้เห็นไปแล้วในตัวอย่างหนัง กับฉากบุกโจมตีประธานาธิบดีด้วยกองทัพโดรน เป็นฉากแอ็กชันเปิดเรื่องที่ลากยาวอย่างดุเดือด ระเบิดกันตูมตาม เหยื่อระเบิดปลิวว่อนนับสิบ นับเป็นฉากที่ปูความถึงพิษสงของวายร้ายในภาคนี้ได้เป็นอย่างดี


ในภาคที่ผ่าน ๆ มา แฟนประจำจะคุ้นเคยกับภาพของไมค์ แบนนิ่ง ที่หนีตายไปพร้อมกับประธานาธิบดีที่รับบทโดย แอรอน เอ็กฮาร์ต ซึ่งไม่ได้กลับมารับบทเดิมในภาคนี้ มอร์แกน ฟรีแมน ในบทอัลลัน ทรัมบัลล์ เลื่อนขั้นจากรองประธานาธิบดี ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในภาคนี้ แต่ปีนี้มอร์แกน ก็อายุอานามปาเข้าไป 82 ปีแล้วครับ จะมาให้วิ่งถือปืนคู่กับไมค์ แบนนิ่ง เป็นไปไม่ได้แน่นอน เมื่อต้องสูญเสียประธานาธิบดีที่เคยพะบู๊ได้ไป ก็ต้องชดเชยในส่วนอื่นขึ้นมาแทน ด้วยการเขียนให้ไมค์ แบนนิ่ง มีปัญหาเรื่องสุขภาพและมีความตั้งใจจะลาออกจากหน้าที่นี้


เมื่อสภาพของเขาไม่เต็มร้อยเหมือนเคยแต่คู่ต่อสู้ดันเก่งขึ้นกว่าเดิม นับเป็นโจทย์ที่ยากมากขึ้นสำหรับภาคนี้ทำให้คนดูต้องลุ้นเอาใจช่วยไมค์มากขึ้น ส่วนที่เสริมเติมสีสันเข้ามาในภาคนี้คือ เคลย์ แบนนิ่ง พ่อของไมค์ เป็นผู้ช่วยเพียงหนึ่งเดียวของไมค์ในสถานการณ์คับขันครั้งนี้ บทเคลย์ ได้นิค โนลตี ดารารุ่นเก๋ามารับหน้าที่ บทเคลย์ ช่วยเพิ่มน้ำหนักของหนังได้มากทั้งในฉากแอ็กชันและดรามา ฉากพ่อลูกรับมือกับการบุกถล่มของผู้ก่อการร้ายก็ได้ทั้งความมันส์และเสียงฮา บทสนทนาระหว่างพ่อลูกทำให้รู้ถึงปูมหลังความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ไม่ราบรื่นนัก คนดูได้รู้จักไมค์มากขึ้นในภาคนี้ นอกเหนือจากบทบาทในหน้าที่การงาน ก็ได้เห็นไมค์ในฐานะสามี พ่อ และ ลูก ไปพร้อมกัน


รีวิว Angel Has Fallen

ในภาคนี้หนังได้งบเพิ่มมาอีก 10 ล้านเหรียญ ในภาคแรกใช้ทุน 70 ล้าน ภาคสองใช้ไป 60 ล้าน ภาคนี้ขยับเพิ่มมาเป็น 80 ล้าน แล้วเปลี่ยนผู้กำกับอีกแล้ว รอบนี้เป็น ริค โรมัน วอกห์ อีกหนึ่งผู้กำกับที่มาจากสายสตันท์แมน


ยุคนี้เป็นยุคของผู้กำกับสตันท์แมนจริง ๆ ริค เคยผ่านงานแอ็กชันมาแล้วใน Snitch หนังดเวย์น จอห์นสัน ปี 2013 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับหนังแอ็กชันจัดหนักแบบนี้ เราก็เลยได้เห็นฉากต่อสู้ทุกรูปแบบตั้งแต่มือเปล่า มีด ปืน ระเบิด เป็นหนังที่เล่นระเบิดกันถล่มทลายมาก ถ้าดูจอเล็กที่บ้านจะขาดรสชาติไปอย่างมากเลย เพราะเรื่องนี้ระเบิดกันถี่แล้วระเบิดทีพื้นโรงหนังสะเทือนกันเลย


ฉากแอ็กชันท้ายเรื่องเต็มอิ่มมาก เมื่อผู้ก่อการร้ายบุกถล่มอีกครั้งแบบทิ้งทวนก็ยกพวกมาหมดพร้อมอาวุธหนักทุกรูปแบบ ก็เลยเป็นฉากรบที่ลากยาวเกิน 30 นาที แล้วแต่ละนาทีที่ฝ่ายร้ายลุกคืบ ฝ่ายพระเอกก็ดูจะเสียท่าไปทุกขณะ คือใจก็รู้ว่าหนังไม่เขียนให้พระเอกแพ้หรอก แต่ก็ยอมรับว่าทีมงานทำการบ้านมาดี ดูฉากสาดกระสุนจากหนังฮอลลีวู้ดในตำนานแล้วเลือกหยิบข้อดีมาใช้ได้อย่างลงตัว ทำให้ฉากลากยาวนี้เดินหน้าไปแต่ละนาทีได้อย่างดุเดือด


จุดด้อยของหนังก็คือการแคสติงนักแสดงด้วยการเลือกตัวร้ายประจำฮอลลีวู้ดมารับบททั้ง แดนนี ฮุสตัน และ ทิม เบลค เนลสัน ทั้งคู่แทบไม่เคยเล่นเป็นตัวดีเลย พอเห็นหน้าก็รู้แล้วว่าไอ้นี่ร้ายแน่นอน ก็เลยไม่ต้องคาดเดากันว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง แต่การสถานะตัวตนที่แท้จริงของทั้งคู่นี้ก็ไม่ใช่่ความลับที่เป็นหัวใจของหนัง เพราะทั้งคู่ก็เปิดเผยสถานะตัวเองตั้งแต่ครึ่งแรกของหนังแล้ว ก็เลยถือว่าจุดนี้ไม่ใช่ข้อผิดพลาดที่ใหญ่โตนัก


สรุป


Angel has Fallen เป็นภาคที่หลุดออกจากกรอบของแฟรนไชส์ตัวเอง แต่ไม่ใช่หนังที่มีความแปลกใหม่จากกรอบรูปแบบเดิม ๆ ของหนังแอ็กชันฮอลลีวู้ด ทุกอย่างเดินหน้าไปตามขนบเดิมที่คาดเดาได้ทั้งหมด แต่ผ่านการเล่าที่มีสีสันเติมแต่งมาเป็นระยะจากผู้กำกับที่มีประสบการณ์ยาวนานกับแวดวงหนังแอ็กชัน ทำให้คนดูสามารถเพลิดเพลินและเกาะติดไปกับภาพบนจอได้จนจบ ไม่ใช่หนังคุณภาพขึ้นหิ้ง ดูหนังผ่านเน็ต


แต่ในด้านความบันเทิงหนังตอบสนองได้คุ้มเวลาและค่าตั๋วเลยทีเดียว ดูทีท่าแล้วหนังตั้งใจจะสานต่อแฟรนไชส์ไปแบบปฏิบัติการพ่อลูก ก็ต้องรอลุ้นว่าตัวเลขภาคนี้จะจบลงที่กี่ร้อยล้าน เป็นตัวตัดสินชะตาว่าหนังจะได้ไปต่อในภาค 4 หรือไม่

ปล. น่าดีใจที่อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าภาคสอง แต่มันก็ไม่ได้ดีกว่าภาค 1 อีกหนึ่งแต่ที่สำคัญ คือ ภาค 1 มันก็ไม่ได้สนุกขนาดนั้นเสียด้วยสิ

ดู 9 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page